พิษของยาชามีอะไรบ้าง

2 การดู

ยาชาอาจก่อให้เกิดภาวะเป็นพิษต่อร่างกาย (LAST) หากได้รับยาเกินขนาดหรือเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ภาวะนี้ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางและระบบไหลเวียนโลหิต แม้พบได้น้อยหากใช้ยาชาอย่างถูกต้อง แต่ควรระมัดระวังและสังเกตอาการผิดปกติหลังได้รับยาชาเสมอ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

พิษจากยาชา: ภัยเงียบที่ต้องระวัง แม้โอกาสเกิดน้อย แต่ไม่ควรมองข้าม

ยาชา ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในวงการแพทย์ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและอำนวยความสะดวกในการรักษาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำฟัน การผ่าตัดเล็ก หรือการทำหัตถการทางการแพทย์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีประโยชน์มากมาย ยาชาก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะภาวะ “พิษจากยาชา” หรือ Local Anesthetic Systemic Toxicity (LAST) ซึ่งเป็นภาวะที่ยาชาส่งผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางและระบบไหลเวียนโลหิต

อะไรคือสาเหตุของภาวะพิษจากยาชา?

ภาวะพิษจากยาชามักเกิดขึ้นเมื่อได้รับยาชาในปริมาณที่มากเกินไป หรือเมื่อยาชาเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงอย่างรวดเร็วเกินไป ทำให้ความเข้มข้นของยาชาในเลือดสูงขึ้นจนเกินระดับที่ร่างกายรับได้ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น:

  • การให้ยาเกินขนาด: การคำนวณปริมาณยาชาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
  • การฉีดยาเข้าเส้นเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ: โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำการฉีดบริเวณที่มีหลอดเลือดหนาแน่น
  • การดูดซึมยาชาที่เร็วเกินไป: ในบางบริเวณของร่างกาย เช่น บริเวณที่มีเลือดไปเลี้ยงมาก ยาชาอาจถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้เร็วกว่าปกติ
  • ภาวะสุขภาพของผู้ป่วย: ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคตับ หรือโรคไต อาจมีความเสี่ยงต่อภาวะพิษจากยาชามากกว่าคนทั่วไป

อาการและสัญญาณเตือนของภาวะพิษจากยาชา

อาการของภาวะพิษจากยาชาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับชนิดของยาชา ปริมาณยาที่ได้รับ และสภาวะร่างกายของผู้ป่วย โดยทั่วไป อาการเริ่มต้นมักจะเกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลาง เช่น:

  • อาการชา: ชาบริเวณปาก ลิ้น หรือรอบดวงตา
  • เวียนศีรษะ: รู้สึกมึนงง หรือหน้ามืด
  • หูอื้อ: ได้ยินเสียงในหู
  • การมองเห็นผิดปกติ: มองเห็นภาพไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อน
  • กระสับกระส่าย: รู้สึกไม่สบายตัว หรือกระวนกระวาย
  • พูดจาไม่ชัดเจน: พูดติดอ่าง หรือออกเสียงลำบาก
  • สั่น: กล้ามเนื้อสั่นกระตุก

หากอาการรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เกิดอาการ:

  • หัวใจเต้นเร็ว: อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
  • ความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ: หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
  • หมดสติ: หมดสติ หรือไม่รู้สึกตัว

ในกรณีที่รุนแรงที่สุด ภาวะพิษจากยาชาอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้น ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

การป้องกันและรับมือกับภาวะพิษจากยาชา

แม้ว่าภาวะพิษจากยาชาจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย แต่การป้องกันและเตรียมพร้อมรับมือถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย:

  • การประเมินผู้ป่วยอย่างละเอียด: แพทย์ควรประเมินประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยอย่างละเอียด รวมถึงโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน และอาการแพ้ยา
  • การเลือกใช้ยาชาอย่างเหมาะสม: แพทย์ควรเลือกชนิดและปริมาณยาชาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ น้ำหนัก และสภาวะสุขภาพ
  • การให้ยาอย่างระมัดระวัง: แพทย์ควรฉีดยาชาอย่างช้าๆ และระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีดยาเข้าเส้นเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • การสังเกตอาการหลังให้ยา: แพทย์และพยาบาลควรสังเกตอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด หลังจากการให้ยาชา หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบให้การช่วยเหลือทันที
  • การเตรียมพร้อมสำหรับการรักษา: สถานพยาบาลควรเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาภาวะพิษจากยาชา โดยมีอุปกรณ์และยาที่จำเป็นพร้อมใช้งาน

บทสรุป

ภาวะพิษจากยาชาเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ยาชา แม้จะมีโอกาสเกิดน้อย แต่ไม่ควรมองข้าม การตระหนักถึงความเสี่ยง การป้องกัน และการเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะนี้ จะช่วยให้การใช้ยาชาเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับการใช้ยาชา ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม