สี Purple กับสี Violet ต่างกันยังไง

ม่วงแดงหรือม่วงน้ำเงิน? ไขความลับ Purple และ Violet ที่มากกว่าแค่สี

หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า “สีม่วง” ในภาษาไทย และเข้าใจกันโดยทั่วไปว่าหมายถึงเฉดสีที่อยู่ระหว่างสีแดงและสีน้ำเงิน แต่เมื่อพูดถึงภาษาอังกฤษ เรากลับพบคำศัพท์สองคำที่เจาะจงลงไปมากกว่า นั่นคือ “Purple” และ “Violet” ทำให้เกิดคำถามว่าทั้งสองสีนี้แตกต่างกันอย่างไร และทำไมภาษาอังกฤษจึงต้องมีคำเรียกแยกกัน?

ความจริงก็คือ ภาษาอังกฤษให้ความสำคัญกับความละเอียดอ่อนของสีที่มากกว่าภาษาไทย โดย Purple และ Violet เป็นสีม่วงทั้งคู่ แต่ต่างกันที่ องค์ประกอบของสี ที่ผสมอยู่ภายใน

Purple: ม่วงประกายแดง ความอบอุ่นที่แฝงเร้น

Purple คือสีม่วงที่มี โทนสีแดง ที่เด่นชัดกว่า เมื่อมอง Purple เราจะรู้สึกถึงความอบอุ่น ความหรูหรา และความมีชีวิตชีวา มันเป็นสีที่มักถูกนำไปใช้กับสิ่งของที่ต้องการสื่อถึงความสง่างามและพลังอำนาจ เช่น เสื้อคลุมของกษัตริย์ หรือดอกกุหลาบสีม่วง

Violet: ม่วงประกายน้ำเงิน ความสงบเย็นที่ลุ่มลึก

Violet คือสีม่วงที่มี โทนสีน้ำเงิน ที่ชัดเจนกว่า ทำให้ Violet ดูสงบ เยือกเย็น และลึกลับ สีนี้มักถูกเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณ ความคิดสร้างสรรค์ และความรู้ เช่น ท้องฟ้ายามค่ำคืน หรือดอกไวโอเล็ตที่บอบบาง

เหตุผลของการแยกคำเรียก: ความแม่นยำและการสื่อสาร

การที่ภาษาอังกฤษมีคำศัพท์แยกสำหรับ Purple และ Violet นั้น ก็เพื่อ ความแม่นยำในการสื่อสาร เมื่อเราต้องการอธิบายถึงสีม่วงเฉดใดเฉดหนึ่ง การใช้คำที่เจาะจงอย่าง Purple หรือ Violet จะช่วยให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าเรากำลังหมายถึงสีม่วงที่มีโทนแดงหรือโทนน้ำเงิน

มากกว่าแค่สี: อิทธิพลต่อความรู้สึกและวัฒนธรรม

ความแตกต่างของ Purple และ Violet ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงองค์ประกอบของสีเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อ ความรู้สึกและวัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงกับสีนั้นๆ อีกด้วย Purple มักถูกมองว่าเป็นสีที่แสดงถึงความมั่งคั่งและความสำเร็จ ในขณะที่ Violet ถูกมองว่าเป็นสีที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์และจิตวิญญาณ

ดังนั้น ครั้งต่อไปเมื่อคุณพบเจอกับสีม่วง ลองสังเกตดูสักนิด ว่ามันคือ Purple ที่มีประกายแดง หรือ Violet ที่มีประกายน้ำเงิน เพราะในความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ นี้ อาจซ่อนความหมายและความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คุณเคยรู้ก็เป็นได้