เพราะเหตุใดจึงเรียกรังสีอินฟราเรดว่า รังสีใต้แดง
รังสีอินฟราเรด (Infrared; IR) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำกว่าแสงสีแดง จึงเรียกว่า ใต้แดง (infra-red) รังสีนี้แผ่จากวัตถุทุกชนิดที่มีอุณหภูมิมากกว่าศูนย์องศาสัมบูรณ์ และถูกใช้ในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ความร้อน, รีโมทคอนโทรล และการถ่ายภาพความร้อน
ใต้แดง… เลือนลับ แฝงอยู่ในความร้อน
รังสีอินฟราเรด (Infrared; IR) นับเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เรามองไม่เห็น แต่แฝงอยู่รอบตัวเรา ชื่อเรียก “ใต้แดง” นั้นมาจากคุณสมบัติของรังสีชนิดนี้ที่อยู่ต่ำกว่าแสงสีแดงในสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า คำว่า “infra” ในภาษาละตินหมายถึง “ด้านล่าง” หรือ “ต่ำกว่า” ดังนั้น “infra-red” จึงหมายถึง “ต่ำกว่าแดง” นั่นเอง
รังสีอินฟราเรดถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1800 โดยนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ วิลเลียม เฮอร์เชล เขาได้ใช้ปริซึมแยกแสงอาทิตย์ออกเป็นสีต่างๆ และพบว่ามีรังสีที่อยู่ต่ำกว่าแสงสีแดง ซึ่งสามารถทำให้เทอร์โมมิเตอร์ร้อนขึ้นได้ นี่คือการค้นพบรังสีอินฟราเรด และเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาเกี่ยวกับรังสีชนิดนี้
ความน่าสนใจของรังสีอินฟราเรด คือ ทุกวัตถุที่มีอุณหภูมิมากกว่าศูนย์องศาสัมบูรณ์ (-273.15 องศาเซลเซียส) จะแผ่รังสีอินฟราเรดออกไป ความร้อนที่เราสัมผัสได้จากดวงอาทิตย์ จากเตาไฟ จากร่างกายของเรา ล้วนเป็นรังสีอินฟราเรดทั้งสิ้น
ด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้ รังสีอินฟราเรดจึงถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางในเทคโนโลยีต่างๆ เช่น
- เซ็นเซอร์ความร้อน: ใช้ในระบบรักษาความปลอดภัย การตรวจจับการเคลื่อนไหว และการตรวจสอบอุณหภูมิ
- รีโมทคอนโทรล: ใช้ในการควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ทีวี เครื่องเสียง และเครื่องปรับอากาศ
- การถ่ายภาพความร้อน: ใช้ในการตรวจสอบความร้อนของวัตถุ เช่น การตรวจสอบความผิดปกติในระบบไฟฟ้า การตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างอาคาร และการช่วยค้นหาผู้สูญหายในภัยพิบัติ
นอกจากนี้ รังสีอินฟราเรด ยังถูกนำไปใช้ในด้านการแพทย์ เช่น การรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ การรักษาโรคผิวหนัง และการผ่าตัด
แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นรังสีอินฟราเรด แต่รังสีชนิดนี้ มีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรา ทั้งในด้านเทคโนโลยี และด้านการแพทย์ รังสี “ใต้แดง” นี้ เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า โลกใบนี้นั้น เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ ที่รอการค้นพบ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
#รังสีความร้อน#สเปกตรัม#อินฟราเรดข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต