ชุมชนแบ่งได้กี่ประเภท

15 การดู

ชุมชนแบ่งตามลักษณะทางกายภาพและสังคมได้หลากหลายแบบ นอกจากการแบ่งตามความสัมพันธ์ของสมาชิกแล้ว ยังมีการแบ่งตามขนาด เช่น ชุมชนขนาดเล็ก ชุมชนขนาดใหญ่ หรือแบ่งตามกิจกรรมหลัก เช่น ชุมชนเกษตรกรรม ชุมชนอุตสาหกรรม ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

พลิกมุมมองชุมชน: การแบ่งประเภทที่หลากหลายกว่าที่คิด

คำว่า “ชุมชน” ดูเหมือนจะง่ายดาย แต่ความหลากหลายของรูปแบบและลักษณะนั้นซับซ้อนกว่าที่เราคิด เราคุ้นเคยกับการมองเห็นชุมชนเป็นกลุ่มคนอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่การจำแนกประเภทของชุมชนนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ความใกล้ชิดทางกายภาพเท่านั้น การศึกษาชุมชนอย่างลึกซึ้งจะนำเราไปสู่การแบ่งประเภทที่หลากหลาย ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ซ้อนทับและเกี่ยวเนื่องกัน ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ “ชุมชนขนาดเล็ก” หรือ “ชุมชนขนาดใหญ่” เท่านั้น

การแบ่งประเภทชุมชนสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับมุมมองและเกณฑ์ที่นำมาใช้ เราสามารถแบ่งชุมชนออกได้อย่างกว้างๆ ดังนี้:

1. การแบ่งตามลักษณะทางกายภาพ:

  • ชุมชนเมือง (Urban Community): ลักษณะเด่นคือความหนาแน่นของประชากรสูง อาคารบ้านเรือนหนาแน่น มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลากหลาย อาจแบ่งย่อยได้อีกตามขนาด เช่น เมืองใหญ่ เมืองขนาดกลาง เมืองเล็ก หรือตามลักษณะเฉพาะ เช่น เมืองท่า เมืองอุตสาหกรรม
  • ชุมชนชนบท (Rural Community): ลักษณะตรงข้ามกับชุมชนเมือง คือมีความหนาแน่นของประชากรต่ำ พื้นที่กว้างขวาง กิจกรรมทางเศรษฐกิจมักเกี่ยวข้องกับการเกษตร การประมง หรืออุตสาหกรรมขนาดเล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกมักใกล้ชิดและแน่นแฟ้นกว่าชุมชนเมือง
  • ชุมชนชานเมือง (Suburban Community): เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของเมืองใหญ่ มีลักษณะผสมผสานระหว่างชุมชนเมืองและชนบท อาจมีทั้งบ้านจัดสรร หมู่บ้าน และพื้นที่เกษตรกรรม มีความหนาแน่นของประชากรปานกลาง

2. การแบ่งตามลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม:

  • ชุมชนตามเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์: ชุมชนที่สมาชิกมีเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ร่วมกัน เช่น ชุมชนจีน ชุมชนไทย ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
  • ชุมชนตามความเชื่อทางศาสนา: เช่น ชุมชนคริสต์ ชุมชนพุทธ ชุมชนอิสลาม ซึ่งมีการปฏิบัติทางศาสนาและวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน
  • ชุมชนตามความสนใจร่วม: เช่น ชุมชนคนรักการอ่าน ชุมชนผู้เล่นเกม ชุมชนนักปั่นจักรยาน ซึ่งสมาชิกมีจุดร่วมและความสนใจเดียวกัน อาจมีการจัดกิจกรรมร่วมกันและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
  • ชุมชนออนไลน์ (Online Community): ชุมชนที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ เช่น กลุ่มเฟซบุ๊ก ฟอรั่ม หรือเว็บไซต์ต่างๆ สมาชิกอาจกระจายอยู่ทั่วโลก แต่มีความเชื่อมโยงกันผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

3. การแบ่งตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลัก:

  • ชุมชนเกษตรกรรม: กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักคือการเกษตร เช่น การปลูกข้าว การเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
  • ชุมชนอุตสาหกรรม: กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักคืออุตสาหกรรม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานผลิต เป็นต้น
  • ชุมชนบริการ: กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักคือการให้บริการ เช่น การค้า การท่องเที่ยว การขนส่ง เป็นต้น

นี่เป็นเพียงการแบ่งประเภทชุมชนบางส่วน ในความเป็นจริงแล้ว ชุมชนอาจมีลักษณะที่ซ้อนทับกัน เช่น ชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็กในชนบท หรือชุมชนเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม การเข้าใจความหลากหลายของชุมชนจะช่วยให้เราสามารถศึกษาและเข้าใจสังคมมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนและเท่าเทียมกัน

การจำแนกประเภทเหล่านี้ไม่ได้เป็นแบบตายตัว แต่เป็นเพียงกรอบในการเข้าใจความซับซ้อนของชุมชน การศึกษาชุมชนอย่างแท้จริงจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึก พิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และเข้าใจบริบทเฉพาะของแต่ละชุมชน เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์และครอบคลุมมากที่สุด