การติดเชื้อที่ต่อมน้ําลายมีอาการอะไรบ้าง
ต่อมน้ำลายอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ขัดขวางการผลิตน้ำลาย ทำให้เกิดอาการบวม เจ็บปวดบริเวณปาก คอ หรือคาง อาจมีอาการไข้ร่วมด้วย การรักษาเน้นบรรเทาอาการและกำจัดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ต่อมน้ำลายอักเสบ: เมื่อน้ำลายกลายเป็นภัยคุกคาม อาการที่ไม่ควรมองข้าม
ต่อมน้ำลาย ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการผลิตน้ำลายเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร รักษาความชุ่มชื้นในช่องปาก และป้องกันฟันผุ อาจเผชิญกับปัญหาการอักเสบจากการติดเชื้อได้ ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า “ต่อมน้ำลายอักเสบ” (Sialadenitis) แม้จะไม่ใช่โรคที่พบบ่อยนัก แต่ก็สามารถสร้างความทรมานและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่น้อย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงอาการของต่อมน้ำลายอักเสบ เพื่อให้คุณสามารถสังเกตอาการเบื้องต้น และรับการรักษาที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที
อาการบ่งชี้…สัญญาณเตือนจากต่อมน้ำลายที่อักเสบ
เมื่อต่อมน้ำลายเกิดการอักเสบ อาการที่ปรากฏอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ และชนิดของต่อมน้ำลายที่ได้รับผลกระทบ แต่โดยทั่วไปแล้ว อาการที่พบบ่อยได้แก่:
- อาการบวมและเจ็บ: บริเวณต่อมน้ำลายที่อักเสบมักจะบวมและรู้สึกเจ็บ โดยอาจเกิดขึ้นบริเวณข้างแก้ม ใต้คาง หรือใต้ลิ้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของต่อมน้ำลายที่ได้รับผลกระทบ ความเจ็บปวดอาจรุนแรงขึ้นขณะรับประทานอาหารหรือกลืน
- ความยากลำบากในการกลืนและเคี้ยว: เนื่องจากการบวมและเจ็บปวด การกลืนอาหารและการเคี้ยวอาจเป็นไปได้ยาก และสร้างความรู้สึกไม่สบาย
- ปากแห้ง: การอักเสบอาจขัดขวางการผลิตน้ำลาย ทำให้เกิดภาวะปากแห้ง ซึ่งส่งผลต่อการย่อยอาหารและสุขภาพช่องปากโดยรวม
- มีหนองไหล: ในบางกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง อาจมีหนองไหลออกมาจากท่อต่อมน้ำลาย ซึ่งสามารถสังเกตได้จากรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ในปาก
- ไข้และอาการป่วย: หากการติดเชื้อรุนแรง อาจมีอาการไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ร่วมด้วย
ต่อมน้ำลายที่ต้องเฝ้าระวัง: ชนิดและตำแหน่งที่ควรทราบ
ร่างกายของเรามีต่อมน้ำลายหลายคู่ ซึ่งแต่ละคู่มีตำแหน่งและหน้าที่ที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจตำแหน่งของต่อมน้ำลายเหล่านี้จะช่วยให้คุณระบุอาการของต่อมน้ำลายอักเสบได้แม่นยำยิ่งขึ้น:
- ต่อมน้ำลายพาโรติด (Parotid gland): เป็นต่อมน้ำลายที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่บริเวณข้างแก้ม หากต่อมนี้อักเสบ จะทำให้เกิดอาการบวมบริเวณแก้ม และอาจทำให้เจ็บขณะเคี้ยว
- ต่อมน้ำลายใต้กราม (Submandibular gland): ตั้งอยู่ใต้กรามทั้งสองข้าง หากต่อมนี้อักเสบ จะทำให้เกิดอาการบวมใต้คาง และอาจเจ็บเมื่อกด
- ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น (Sublingual gland): ตั้งอยู่ใต้ลิ้น หากต่อมนี้อักเสบ จะทำให้เกิดอาการบวมใต้ลิ้น และอาจเจ็บขณะกลืน
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?
หากคุณมีอาการที่บ่งชี้ถึงต่อมน้ำลายอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้:
- อาการบวมและเจ็บปวดรุนแรง
- มีหนองไหลออกมาจากท่อต่อมน้ำลาย
- มีไข้สูง
- มีอาการป่วยอื่นๆ ร่วมด้วย
การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ฝีในต่อมน้ำลาย หรือการติดเชื้อแพร่กระจาย
สรุป: ดูแลต่อมน้ำลายให้ดี เพื่อสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง
ต่อมน้ำลายมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพช่องปากและการย่อยอาหาร การสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับต่อมน้ำลายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสามารถตรวจพบภาวะต่อมน้ำลายอักเสบได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น อย่าลืมดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ และปรึกษาแพทย์หรือทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีและแข็งแรงอย่างยั่งยืน
#ต่อมน้ำลาย#ติดเชื้อ#อาการข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต