กินโยเกิร์ตแล้วกินยาปฏิชีวนะได้ไหม

0 การดู

หลีกเลี่ยงการกินโยเกิร์ต ชีส หรือผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ก่อนและหลังกินยาปฏิชีวนะ ยารักษาไทรอยด์ กระดูกพรุน หรือธาตุเหล็ก อย่างน้อย 2 และ 6 ชั่วโมงตามลำดับ สารอาหารในนมอาจลดประสิทธิภาพการดูดซึมยา ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ข้อควรรู้เมื่อรับประทานโยเกิร์ตร่วมกับยาปฏิชีวนะ

โยเกิร์ตเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เมื่อรับประทานร่วมกับยาบางชนิด อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาได้ ยาที่อาจเกิดการรบกวน ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ ยารักษาไทรอยด์ ยาบำรุงกระดูก และยาธาตุเหล็ก

โยเกิร์ตส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะอย่างไร

สารอาหารในโยเกิร์ต เช่น แคลเซียม และโปรตีน อาจจับตัวกับยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ทีทราไซคลีน (tetracycline) และควิโนโลน (quinolone) ทำให้ร่างกายดูดซึมยาได้น้อยลง ส่งผลให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่และประสิทธิภาพในการรักษาอาจลดลง

ข้อควรปฏิบัติเมื่อรับประทานโยเกิร์ตร่วมกับยา

  • งดรับประทานโยเกิร์ตก่อนรับประทานยา อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดการรบกวนการดูดซึมยา
  • งดรับประทานโยเกิร์ตหลังรับประทานยา อย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่ายาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างเต็มที่
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับประทานโยเกิร์ตร่วมกับยาที่ใช้ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ยารักษาไทรอยด์ ยาบำรุงกระดูก หรือยาธาตุเหล็ก

การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้องจะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากทั้งโยเกิร์ตและยาที่รับประทาน โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการรักษาของยา