ก้อนใต้คางด้านขวาคืออะไร

ก้อนเล็กๆ ใต้คางด้านขวา: เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นก้อนเล็กๆ บริเวณใต้คาง โดยเฉพาะด้านขวา และอาจเกิดความกังวลใจว่ามันคืออะไร ก้อนดังกล่าวอาจมีลักษณะแข็ง ขนาดเล็ก ไม่เจ็บ ไม่บวมแดง และอาจขยับได้เล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะต่างๆ ที่แตกต่างกันไป

อะไรคือสาเหตุที่เป็นไปได้?

ก้อนเล็กๆ ใต้คางด้านขวาอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ แต่ที่พบได้บ่อยมีดังนี้:

• ต่อมน้ำลายขนาดเล็ก: บริเวณใต้คางมีต่อมน้ำลายขนาดเล็กอยู่ ซึ่งบางครั้งอาจคลำพบได้ หากต่อมน้ำลายเกิดการอักเสบเล็กน้อย อาจทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและคลำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

• ต่อมน้ำเหลือง (ลิมโฟไซต์): ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่กรองสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรค เมื่อร่างกายมีการติดเชื้อเล็กน้อย หรือมีการอักเสบในบริเวณใกล้เคียง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้นอาจขยายขนาดขึ้นเล็กน้อยเพื่อตอบสนองต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้คลำเจอก้อนเล็กๆ ได้

• ซีสต์ (Cyst): ซีสต์คือถุงที่มีของเหลวอยู่ภายใน อาจเกิดขึ้นได้ใต้ผิวหนัง และอาจคลำพบเป็นก้อนเล็กๆ ที่ขยับได้

• ไขมัน: ในบางครั้ง ก้อนที่คลำพบอาจเป็นเพียงก้อนไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตราย

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

แม้ว่าก้อนเล็กๆ ใต้คางส่วนใหญ่มักจะไม่เป็นอันตราย แต่การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ หากพบว่าก้อนมีลักษณะดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม:

• ขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว: หากก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะเวลาอันสั้น ควรรีบปรึกษาแพทย์

• เจ็บ: หากก้อนเริ่มมีอาการเจ็บ หรือกดแล้วรู้สึกเจ็บ

• บวมแดง: หากบริเวณรอบๆ ก้อนมีอาการบวมแดง หรือมีลักษณะของการอักเสบ

• ขยับไม่ได้: หากก้อนไม่สามารถขยับได้ หรือติดแน่นกับเนื้อเยื่อรอบข้าง

• อาการอื่นๆ: หากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ น้ำหนักลด เหงื่อออกตอนกลางคืน หรือมีอาการเจ็บคอเรื้อรัง

สิ่งที่ควรทำเมื่อพบก้อนใต้คาง

1. สังเกตอาการ: หมั่นสังเกตลักษณะของก้อน ขนาด การเปลี่ยนแปลง และอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย

2. หลีกเลี่ยงการบีบหรือนวด: การบีบหรือนวดก้อนอาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น

3. ปรึกษาแพทย์: หากมีความกังวล หรือพบอาการที่ผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

บทสรุป

การพบก้อนเล็กๆ ใต้คางด้านขวาอาจเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความกังวลใจได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและการปรึกษาแพทย์เมื่อมีความผิดปกติเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม และคลายความกังวลใจได้อย่างถูกต้อง