ความเข้มข้นของเลือดเท่าไรถึงบริจาคเลือดได้
ผู้ที่มีความเข้มข้นของเลือดไม่ต่ำกว่า 12.5 กรัม/เดซิลิตรสำหรับผู้หญิงและ 13 กรัม/เดซิลิตรสำหรับผู้ชาย สามารถบริจาคเลือดได้ตามปกติแม้จะเป็นพาหะธาลัสซีเมียก็ตาม ทั้งนี้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานยาบำรุงเลือดที่ได้รับหลังบริจาคอย่างเคร่งครัด
เลือดจางแค่ไหน ถึงบริจาคโลหิตไม่ได้? ไขข้อสงสัยเรื่องความเข้มข้นของเลือดกับการบริจาค
การบริจาคโลหิตเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ ช่วยต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ที่ต้องการโลหิตเพื่อการรักษาพยาบาล แต่ก่อนที่จะเสียสละโลหิตอันมีค่าของเรานั้น สิ่งสำคัญคือการตรวจสอบความพร้อมของร่างกาย หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ถูกพิจารณาคือ ความเข้มข้นของเลือด (Hemoglobin) ซึ่งบ่งบอกถึงปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกายของเรา
ทำไมความเข้มข้นของเลือดจึงสำคัญต่อการบริจาคโลหิต?
เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่หลักในการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากความเข้มข้นของเลือดต่ำเกินไป (ภาวะโลหิตจาง) การบริจาคโลหิตอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือเกิดอาการหน้ามืดตามัวได้ นอกจากนี้ หากผู้บริจาคมีภาวะโลหิตจางอยู่แล้ว การเสียเลือดจากการบริจาคอาจทำให้อาการแย่ลงได้
เกณฑ์ความเข้มข้นของเลือดขั้นต่ำสำหรับการบริจาคโลหิต
โดยทั่วไปแล้ว เกณฑ์ความเข้มข้นของเลือดขั้นต่ำที่สภากาชาดไทยกำหนดไว้สำหรับการบริจาคโลหิตคือ:
- ผู้หญิง: ไม่ต่ำกว่า 12.5 กรัม/เดซิลิตร
- ผู้ชาย: ไม่ต่ำกว่า 13 กรัม/เดซิลิตร
ค่าเหล่านี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละสถานที่บริจาคโลหิต ดังนั้นควรสอบถามข้อมูลที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ก่อนทำการบริจาค
เป็นพาหะธาลัสซีเมีย บริจาคโลหิตได้หรือไม่?
ผู้ที่เป็นพาหะธาลัสซีเมียส่วนใหญ่มักจะสามารถบริจาคโลหิตได้ หากความเข้มข้นของเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าเป็นพาหะธาลัสซีเมีย เพื่อให้ได้รับการประเมินและคำแนะนำที่เหมาะสม
เตรียมตัวอย่างไร หากความเข้มข้นของเลือดไม่ถึงเกณฑ์?
หากผลการตรวจความเข้มข้นของเลือดไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของภาวะโลหิตจางและรับการรักษาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว การปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ การรับประทานยาบำรุงเลือดตามคำแนะนำของแพทย์ และการพักผ่อนให้เพียงพอ อาจช่วยเพิ่มความเข้มข้นของเลือดได้
ข้อควรปฏิบัติหลังการบริจาคโลหิต
ถึงแม้ความเข้มข้นของเลือดจะอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แต่การบริจาคโลหิตก็ทำให้ร่างกายสูญเสียเลือดไป ดังนั้นจึงควรดูแลตัวเองหลังการบริจาคโลหิตดังนี้:
- พักผ่อนให้เพียงพอ: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำให้มาก: ชดเชยการสูญเสียน้ำในร่างกาย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เพื่อช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
- รับประทานยาบำรุงเลือด: หากได้รับจากเจ้าหน้าที่ ควรรับประทานตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
สรุป
การบริจาคโลหิตเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมั่นใจว่าร่างกายมีความพร้อม การตรวจความเข้มข้นของเลือดก่อนบริจาคเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริจาคเอง หากมีความเข้มข้นของเลือดต่ำกว่าเกณฑ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษา และอย่าลืมดูแลตัวเองหลังการบริจาคโลหิต เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะกลับมาบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอีกครั้ง
#ความเข้มข้น#บริจาคเลือด#เลือดข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต