ค่าเลือดเท่าไรถึงเป็นโลหิตจาง

4 การดู

ภาวะโลหิตจางหรือซีดคือเมื่อระดับฮีโมโกลบิน (โปรตีนนำพาออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง) ในเลือดต่ำเกินไป โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดเกณฑ์วินิจฉัยดังนี้:

  • ผู้หญิง: ต่ำกว่า 12 กรัมต่อเดซิลิตร (g/dL)
  • ผู้ชาย: ต่ำกว่า 13 g/dL
  • หญิงตั้งครรภ์: ต่ำกว่า 11 g/dL
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ระดับฮีโมโกลบินที่บ่งชี้ภาวะโลหิตจาง

ภาวะโลหิตจางหรือภาวะซีดเกิดขึ้นเมื่อระดับฮีโมโกลบินในเลือดต่ำเกินไป ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนที่พบในเม็ดเลือดแดงทำหน้าที่นำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดค่าเกณฑ์สำหรับการวินิจฉัยภาวะโลหิตจาง ดังนี้

  • ผู้หญิง: ต่ำกว่า 12 กรัมต่อเดซิลิตร (g/dL)
  • ผู้ชาย: ต่ำกว่า 13 g/dL
  • หญิงตั้งครรภ์: ต่ำกว่า 11 g/dL

ค่าเกณฑ์เหล่านี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับห้องปฏิบัติการที่ทำการตรวจเลือด อย่างไรก็ตาม ค่าเหล่านี้โดยทั่วไปใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการวินิจฉัยภาวะโลหิตจางทั่วโลก

ภาวะโลหิตจางเกิดจากอะไรได้บ้าง

ภาวะโลหิตจางสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ รวมถึง:

  • การสูญเสียเลือด: เช่น จากการมีประจำเดือนหรือการผ่าตัด
  • การผลิตเม็ดเลือดแดงลดลง: เช่น ในกรณีของภาวะพร่องเหล็กหรือโรคไขกระดูก
  • การทำลายเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น: เช่น ในกรณีของภาวะซีดเม็ดเลือดแดงรูปเคียวหรือธาลัสซีเมีย

อาการของภาวะโลหิตจาง

อาการของภาวะโลหิตจางอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะนี้ อาการทั่วไป ได้แก่:

  • ความอ่อนเพลีย
  • หายใจถี่
  • ใจสั่น
  • หน้ามืด
  • ผิวซีด
  • เล็บเปราะ

การรักษาภาวะโลหิตจาง

การรักษาภาวะโลหิตจางขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ในกรณีของภาวะพร่องเหล็ก แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กหรือรับยา เช่น ยาเม็ดธาตุเหล็ก ในกรณีอื่นๆ อาจต้องมีการรักษาที่รุนแรงมากขึ้น เช่น การถ่ายเลือด

การป้องกันภาวะโลหิตจาง

มีหลายวิธีในการป้องกันภาวะโลหิตจาง รวมถึง:

  • รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อแดง ผักใบเขียว และธัญพืชเสริมเหล็ก
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินซี ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
  • หลีกเลี่ยงการบริโภคชาและกาแฟ ซึ่งสามารถยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำการแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีภาวะที่อาจทำให้เกิดโลหิตจาง เช่น โรคไขกระดูก