ค่าเลือดเท่าไรถึงเป็นโลหิตจาง
ภาวะโลหิตจางหรือซีดคือเมื่อระดับฮีโมโกลบิน (โปรตีนนำพาออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง) ในเลือดต่ำเกินไป โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดเกณฑ์วินิจฉัยดังนี้:
- ผู้หญิง: ต่ำกว่า 12 กรัมต่อเดซิลิตร (g/dL)
- ผู้ชาย: ต่ำกว่า 13 g/dL
- หญิงตั้งครรภ์: ต่ำกว่า 11 g/dL
ระดับฮีโมโกลบินที่บ่งชี้ภาวะโลหิตจาง
ภาวะโลหิตจางหรือภาวะซีดเกิดขึ้นเมื่อระดับฮีโมโกลบินในเลือดต่ำเกินไป ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนที่พบในเม็ดเลือดแดงทำหน้าที่นำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดค่าเกณฑ์สำหรับการวินิจฉัยภาวะโลหิตจาง ดังนี้
- ผู้หญิง: ต่ำกว่า 12 กรัมต่อเดซิลิตร (g/dL)
- ผู้ชาย: ต่ำกว่า 13 g/dL
- หญิงตั้งครรภ์: ต่ำกว่า 11 g/dL
ค่าเกณฑ์เหล่านี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับห้องปฏิบัติการที่ทำการตรวจเลือด อย่างไรก็ตาม ค่าเหล่านี้โดยทั่วไปใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการวินิจฉัยภาวะโลหิตจางทั่วโลก
ภาวะโลหิตจางเกิดจากอะไรได้บ้าง
ภาวะโลหิตจางสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ รวมถึง:
- การสูญเสียเลือด: เช่น จากการมีประจำเดือนหรือการผ่าตัด
- การผลิตเม็ดเลือดแดงลดลง: เช่น ในกรณีของภาวะพร่องเหล็กหรือโรคไขกระดูก
- การทำลายเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น: เช่น ในกรณีของภาวะซีดเม็ดเลือดแดงรูปเคียวหรือธาลัสซีเมีย
อาการของภาวะโลหิตจาง
อาการของภาวะโลหิตจางอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะนี้ อาการทั่วไป ได้แก่:
- ความอ่อนเพลีย
- หายใจถี่
- ใจสั่น
- หน้ามืด
- ผิวซีด
- เล็บเปราะ
การรักษาภาวะโลหิตจาง
การรักษาภาวะโลหิตจางขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ในกรณีของภาวะพร่องเหล็ก แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กหรือรับยา เช่น ยาเม็ดธาตุเหล็ก ในกรณีอื่นๆ อาจต้องมีการรักษาที่รุนแรงมากขึ้น เช่น การถ่ายเลือด
การป้องกันภาวะโลหิตจาง
มีหลายวิธีในการป้องกันภาวะโลหิตจาง รวมถึง:
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อแดง ผักใบเขียว และธัญพืชเสริมเหล็ก
- รับประทานอาหารที่มีวิตามินซี ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
- หลีกเลี่ยงการบริโภคชาและกาแฟ ซึ่งสามารถยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก
- ปฏิบัติตามคำแนะนำการแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีภาวะที่อาจทำให้เกิดโลหิตจาง เช่น โรคไขกระดูก
ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต