จะรู้ได้ไงว่าเป็นกรดไหลย้อน

6 การดู

อาการกรดไหลย้อนอาจมีอาการแสบร้อนบริเวณลำคอหรือหน้าอก ตามด้วยอาการเรอเปรี้ยว และอาจมีอาการเจ็บคอ หรือรู้สึกเหมือนมีของเหลวขมๆ คั่งอยู่ในคอได้ อาการมักรุนแรงหลังรับประทานอาหารหนัก

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเผชิญกับ “กรดไหลย้อน” มากกว่าแค่ท้องอืดธรรมดา?

อาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว ใครๆ ก็เคยประสบพบเจอ แต่เมื่อใดที่อาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต นั่นอาจหมายถึงคุณกำลังเผชิญกับ “กรดไหลย้อน” ซึ่งมากกว่าแค่ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยทั่วไป

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่ากรดไหลย้อนคืออาการแสบร้อนกลางอกเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วอาการของโรคนี้มีความหลากหลายและซับซ้อนกว่านั้นมาก การวินิจฉัยที่ถูกต้องจำเป็นต้องพิจารณาอาการต่างๆ ร่วมกัน รวมถึงความถี่และระยะเวลาที่เกิดอาการ

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณอาจเป็นกรดไหลย้อน:

  • แสบร้อนกลางอก (Heartburn): อาการนี้เป็นอาการเด่นชัดที่สุด รู้สึกเหมือนมีของร้อนๆ ไหลขึ้นมาจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหาร ความรุนแรงอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่แสบร้อนเล็กน้อยจนถึงแสบร้อนอย่างรุนแรง อาจกินเวลานานหลายนาทีจนถึงหลายชั่วโมง

  • เรอเปรี้ยว: การเรอที่ปนกับน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปาก นี่เป็นอีกหนึ่งอาการสำคัญที่บ่งบอกถึงการไหลย้อนของกรด

  • เจ็บคอเรื้อรัง: กรดที่ไหลย้อนขึ้นมาอาจระคายเคืองเยื่อบุหลอดอาหารและลำคอ ทำให้เกิดอาการเจ็บคอเรื้อรัง แม้จะไม่ได้เป็นหวัดหรือติดเชื้อ

  • รู้สึกเหมือนมีของเหลวขมๆ คั่งอยู่ในคอ: กรดที่ไหลย้อนอาจทำให้รู้สึกมีรสชาติขมหรือเปรี้ยวค้างอยู่ในลำคอ แม้จะกลืนน้ำลายแล้วก็ตาม

  • อาการไอเรื้อรัง: กรดที่ไหลย้อนขึ้นมาอาจกระตุ้นให้เกิดอาการไอเรื้อรัง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

  • อาการแน่นท้องหรือท้องอืด: แม้จะเป็นอาการที่พบได้ทั่วไป แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้งและร่วมกับอาการอื่นๆ ควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของกรดไหลย้อน

  • อาการปวดท้องเรื้อรัง: กรดที่ไหลย้อนอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องบริเวณลิ้นปี่หรือใต้กระดูกหน้าอก

อาการมักรุนแรงขึ้นหลังรับประทานอาหารหนักหรืออาหารที่มีไขมันสูง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือในท่าที่นอนราบ

สำคัญ: บทความนี้มีไว้เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคได้ หากคุณสงสัยว่าตนเองเป็นกรดไหลย้อน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การรักษาที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ อย่าพึ่งพาการรักษาด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้โรครุนแรงขึ้นได้