จุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนังเกิดจากอะไร

5 การดู

จุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง อาจเกิดจากการกระแทก หรือการบาดเจ็บ เช่น การตกหรือการถูกของแข็งกระแทก การใช้ยาบางชนิด ยาที่มีฤทธิ์บางชนิด หรือการขาดวิตามินซี หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

จุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง: สาเหตุที่ซ่อนเร้นมากกว่าที่คุณคิด

จุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง (Petechiae) หรือที่หลายคนคุ้นเคยกับคำว่า “เลือดออกใต้ผิวหนัง” มักปรากฏเป็นจุดเล็กๆ สีแดงม่วง กระจายอยู่บนผิวหนัง แม้ดูไม่ร้ายแรงแต่กลับซ่อนสาเหตุที่หลากหลายไว้เบื้องหลัง มากกว่าแค่การกระแทกหรือการบาดเจ็บอย่างที่หลายคนเข้าใจ การทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง

สาเหตุทั่วไปที่พบได้บ่อยนั้น อย่างที่กล่าวไปแล้วคือการบาดเจ็บ เช่น การชน การตก หรือการถูกของแข็งกระแทก ซึ่งทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตก ส่งผลให้เลือดซึมออกมาและก่อตัวเป็นจุดจ้ำเลือด ความรุนแรงของการบาดเจ็บจะสัมพันธ์กับขนาดและจำนวนของจุดจ้ำเลือด ยิ่งแรงกระแทกมาก จุดจ้ำเลือดก็จะมีขนาดใหญ่และกระจายมากขึ้นตามไปด้วย

นอกเหนือจากการบาดเจ็บทางกายภาพ จุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนังยังอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่สำคัญไม่ควรมองข้าม เช่น:

  • การขาดวิตามินซี: วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือด การขาดวิตามินซีอย่างรุนแรงอาจทำให้ผนังหลอดเลือดเปราะบาง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดจุดจ้ำเลือดได้ง่ายขึ้น

  • ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ: เกล็ดเลือดมีหน้าที่สำคัญในการหยุดเลือด หากร่างกายมีเกล็ดเลือดต่ำ การแข็งตัวของเลือดจะไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดจุดจ้ำเลือดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

  • โรคเลือดออกผิดปกติ: บางโรคทางพันธุกรรมหรือโรคที่เกี่ยวกับระบบเลือด เช่น โรคฮีโมฟีเลีย หรือโรคธาลัสซีเมีย อาจทำให้เกิดจุดจ้ำเลือดได้ง่ายและบ่อยครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องมีการบาดเจ็บ

  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เลือดออกง่ายขึ้น และอาจทำให้เกิดจุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนังได้

  • การติดเชื้อ: การติดเชื้อบางชนิด เช่น โรคติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส อาจทำให้เกิดจุดจ้ำเลือดได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการติดเชื้อรุนแรงหรือลุกลาม

เมื่อใดควรพบแพทย์?

แม้จุดจ้ำเลือดส่วนใหญ่จะหายไปเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากพบว่ามีจุดจ้ำเลือดจำนวนมาก มีขนาดใหญ่ หรือเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม การตรวจเลือด การตรวจนับเกล็ดเลือด และการตรวจอื่นๆ จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง

จุดจ้ำเลือดใต้ผิวหนัง แม้ดูเป็นอาการเล็กน้อย แต่ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ การสังเกตอาการและปรึกษาแพทย์เมื่อมีความผิดปกติ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต