ช่วงมีประจำเดือนฮอร์โมนอะไรสูง

1 การดู

ช่วงมีประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงอย่างมากหลังจากการตกไข่ ในขณะที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมผนังมดลูกสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากไม่มีการปฏิสนธิ ระดับฮอร์โมนทั้งสองจะลดลง ทำให้เกิดประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเหล่านี้ส่งผลต่อร่างกายและอารมณ์ของผู้หญิงตลอดรอบเดือน.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ช่วงมีประจำเดือน ฮอร์โมนอะไรสูง จริงๆ แล้วเป็นคำถามที่อาจทำให้เข้าใจผิดเล็กน้อย เพราะช่วงที่มีประจำเดือนนั้น ฮอร์โมนเพศหลักๆ อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะอยู่ในระดับต่ำ ไม่ได้สูง ความเข้าใจผิดนี้อาจเกิดจากการที่เรามักโฟกัสไปที่ช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งฮอร์โมนจะมีความผันผวนมาก

เพื่อความชัดเจน ลองมาดูการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตลอดรอบเดือนกัน:

  • ช่วงต้นรอบเดือน (หลังหมดประจำเดือน): ระดับเอสโตรเจนเริ่มเพิ่มขึ้น กระตุ้นให้ผนังมดลูกหนาขึ้น
  • ช่วงกลางรอบเดือน (ก่อนตกไข่): เอสโตรเจนพุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดการตกไข่
  • ช่วงหลังตกไข่: โปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมผนังมดลูกสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ส่วนเอสโตรเจนจะลดลงเล็กน้อยแต่ยังคงมีอยู่
  • ช่วงก่อนมีประจำเดือน: หากไม่มีการปฏิสนธิ ทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดลงต่ำ นี่คือช่วงที่ทำให้เกิดอาการ PMS (Premenstrual Syndrome) เช่น ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน เจ็บหน้าอก ฯลฯ
  • ช่วงมีประจำเดือน: เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนยังคงอยู่ในระดับต่ำ ผนังมดลูกที่ไม่ได้ใช้หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน

ดังนั้น คำตอบที่ถูกต้องคือ ไม่มีฮอร์โมนเพศหลัก (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) ที่สูงในช่วงมีประจำเดือน แต่เป็นช่วงที่ฮอร์โมนเหล่านี้อยู่ในระดับต่ำที่สุดต่างหาก

อย่างไรก็ตาม มีฮอร์โมนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีประจำเดือนที่อาจมีระดับเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เช่น พรอสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้มดลูกบีบตัวเพื่อขับเลือดประจำเดือนออกมา การบีบตัวนี้เองที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือน

สรุปคือ การเข้าใจวงจรของฮอร์โมนตลอดรอบเดือนเป็นสิ่งสำคัญ อย่าสับสนกับช่วงก่อนมีประจำเดือนที่มีความผันผวนของฮอร์โมน ช่วงที่มีประจำเดือนจริงๆ แล้วฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะอยู่ในระดับต่ำ และอาการปวดท้องส่วนใหญ่มาจากพรอสตาแกลนดิน