ถ่ายกระปิดกระปอยเกิดจากอะไร

2 การดู

ท้องเสียถ่ายกระปริดกระปรอย อาจมีมูกปนเลือด หากมีอาการปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน หรือถ่ายนานกว่า 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ การดูแลเบื้องต้นคือ ดื่มน้ำเกลือแร่ ORS และรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ถ่ายกระปิดกระปอย: สัญญาณเตือนภัยจากลำไส้ที่ไม่ควรมองข้าม

อาการถ่ายกระปิดกระปอย หรือถ่ายบ่อยครั้งกว่าปกติ มักสร้างความรำคาญและกังวลใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีมูกหรือเลือดปนเปื้อนออกมาด้วย สาเหตุของอาการถ่ายกระปิดกระปอยนั้นมีความหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถดูแลรักษาเองได้ ไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง จึงจำเป็นต้องรู้จักสังเกตอาการ และเข้าใจสาเหตุที่เป็นไปได้ เพื่อการดูแลตนเองและการเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง

สาเหตุของการถ่ายกระปิดกระปอย อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น:

  • การติดเชื้อ: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด อาจเกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิต ที่ปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาด อาการที่มักพบร่วมด้วยคือปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้
  • การแพ้อาหาร: บางคนอาจมีอาการแพ้อาหารบางชนิด เช่น นม ไข่ ถั่ว หรืออาหารทะเล ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการถ่ายกระปิดกระปอยได้
  • โรคลำไส้อักเสบ: เช่น โรคโครห์น หรือโรคเรื้อรังลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้อักเสบเรื้อรังในลำไส้ ส่งผลให้ถ่ายกระปิดกระปอย ปวดท้อง และมีเลือดปนอุจจาระได้
  • ภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS): เป็นภาวะที่การทำงานของลำไส้ผิดปกติ ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก และถ่ายอุจจาระผิดปกติ เช่น ท้องเสีย ท้องผูก หรือสลับกันได้
  • ผลข้างเคียงจากยา: ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาระบาย หรือยาแก้ปวดบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้ถ่ายกระปิดกระปอยได้
  • ความเครียดและความวิตกกังวล: ภาวะทางอารมณ์เหล่านี้ อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการถ่ายกระปิดกระปอยได้เช่นกัน

การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการถ่ายกระปิดกระปอย สามารถทำได้โดย:

  • ดื่มน้ำเกลือแร่ ORS: เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากการถ่ายเหลว ป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย: เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก กล้วยน้ำว้าสุก เพื่อลดภาระการทำงานของลำไส้
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์: ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว

หากมีอาการปวดท้องรุนแรง ถ่ายเป็นมูกเลือด คลื่นไส้อาเจียน มีไข้สูง หรือถ่ายนานกว่า 2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง อย่าซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ การพบแพทย์จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่ตรงกับสาเหตุ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้