ทอนซิลอักเสบอาการเป็นยังไง

ทอนซิลอักเสบ: อาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อที่คอของคุณ

ทอนซิลอักเสบ เป็นภาวะที่ต่อมทอนซิลซึ่งอยู่ด้านหลังลำคอทั้งสองข้าง เกิดการอักเสบ บวม และติดเชื้อ อาการที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อและชนิดของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ แม้ว่าอาการหลักๆ จะดูเหมือนเรียบง่าย แต่หากละเลยอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น การสังเกตอาการและการไปพบแพทย์อย่างทันท่วงทีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

อาการเด่นชัดของทอนซิลอักเสบ:

อาการที่พบได้บ่อยที่สุดและเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับทอนซิลอักเสบ ได้แก่:

• เจ็บคออย่างรุนแรง: นี่คืออาการหลักที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสังเกตได้ ความเจ็บปวดจะอยู่บริเวณลำคอโดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ต่อมทอนซิล ความเจ็บปวดจะรุนแรงขึ้นเมื่อกลืนน้ำลายหรืออาหาร บางรายอาจรู้สึกเจ็บแม้แต่เพียงแค่พูดคุย

• กลืนลำบาก: เนื่องจากความเจ็บปวดที่รุนแรง ผู้ป่วยจึงมีปัญหาในการกลืนทั้งอาหารและน้ำ ในเด็กเล็ก อาจสังเกตเห็นอาการน้ำลายไหลเนื่องจากไม่สามารถกลืนน้ำลายได้อย่างสะดวก

• ไข้: ไข้เป็นอาการที่พบบ่อยและบ่งบอกถึงการติดเชื้อ ระดับความสูงของไข้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ เชื้อแบคทีเรีย มักจะก่อให้เกิดไข้สูงกว่าเชื้อไวรัส

• หนาวสั่น: นอกจากไข้แล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย ร่างกายจะพยายามปรับอุณหภูมิเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ อาการนี้มักเกิดขึ้นควบคู่กับไข้สูง

• ต่อมทอนซิลบวมแดง: การตรวจดูบริเวณลำคอจะเห็นว่าต่อมทอนซิลบวมแดง อาจมีหนองสีขาวหรือสีเหลืองเกาะอยู่บนพื้นผิวของทอนซิล ในบางกรณี อาจมีจุดขาวเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วพื้นผิว

• ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตัว: อาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ร่างกายจะพยายามต่อสู้กับเชื้อโรค จึงทำให้เกิดความเมื่อยล้าและปวดตามร่างกาย

• เสียงแหบ: เนื่องจากการอักเสบของลำคอ เสียงพูดอาจเปลี่ยนไป กลายเป็นเสียงแหบหรือแห้ง

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด:

หากคุณมีอาการเจ็บคออย่างรุนแรง มีไข้สูง กลืนลำบากอย่างมาก หรือมีอาการอื่นๆ ที่น่ากังวล ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะทำการวินิจฉัยและให้การรักษาที่เหมาะสม การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ (หากสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย) ยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ และการพักผ่อนอย่างเพียงพอ

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาการของทอนซิลอักเสบเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เสมอ