ทำไมฉี่แล้วรู้สึกขัดๆ

ปัสสาวะแล้วแสบขัด…สาเหตุอะไร? อย่ามองข้าม!

อาการปัสสาวะแล้วรู้สึกแสบขัด หรือรู้สึกไม่สะดวกหลังจากการขับถ่ายปัสสาวะ เป็นอาการที่หลายคนอาจเคยประสบพบเจอ แม้บางครั้งอาจรู้สึกเพียงเล็กน้อยและหายไปเอง แต่หากอาการรุนแรงขึ้นหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ควรละเลย เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่สำคัญได้ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้ปัสสาวะแล้วแสบขัด เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างถูกต้อง

สาเหตุที่ทำให้ปัสสาวะแล้วแสบขัด มีหลากหลาย ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงร้ายแรง ได้แก่:

• การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection: UTI): นี่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เชื้อแบคทีเรีย มักจะเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะและทำให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้รู้สึกแสบขัดเวลาปัสสาวะ อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วยได้แก่ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะปริมาณน้อย มีกลิ่นปัสสาวะเปลี่ยนไป หรือปัสสาวะขุ่น ในบางกรณีอาจมีไข้และหนาวสั่นร่วมด้วย

• นิ่วในทางเดินปัสสาวะ: นิ่ว คือ ก้อนแข็งๆ ที่เกิดจากเกลือแร่ในปัสสาวะตกผลึก เมื่อนิ่วเคลื่อนตัวผ่านทางเดินปัสสาวะ จะทำให้เกิดการระคายเคืองและรู้สึกแสบขัด อาจมีอาการปวดอย่างรุนแรงร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณข้างลำตัวหรือหลัง ซึ่งความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของนิ่ว

• การระคายเคืองจากสารเคมี: สารเคมีบางชนิด เช่น สบู่ น้ำหอม หรือสารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน หากสัมผัสกับบริเวณอวัยวะเพศภายนอก อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและรู้สึกแสบขัดเวลาปัสสาวะได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดที่อ่อนโยนจึงมีความสำคัญ

• โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STIs): บางโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน หรือคลามัยเดีย สามารถทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินปัสสาวะ และทำให้ปัสสาวะแสบขัดได้ โดยมักจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ หรือมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ

• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ในผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือช่วงหมดประจำเดือน อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุทางเดินปัสสาวะ และทำให้รู้สึกแสบขัดได้ โดยอาการมักไม่รุนแรงและหายไปเอง

• ปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก (Prostatitis): ในผู้ชาย การอักเสบของต่อมลูกหมาก อาจทำให้ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย และปัสสาวะไม่สุด

เมื่อใดควรไปพบแพทย์?

หากคุณมีอาการปัสสาวะแสบขัด และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ปวดอย่างรุนแรง มีไข้ หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และอาจทำการตรวจปัสสาวะ หรือการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของอาการและให้การรักษาที่เหมาะสม

การดูแลตัวเองเบื้องต้น

การดื่มน้ำมากๆ ช่วยเพิ่มปริมาณปัสสาวะ และช่วยล้างเชื้อแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะได้บ้าง แต่ไม่ใช่การรักษาหลัก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือคาเฟอีน เพราะอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และทำให้อาการแย่ลง

การปัสสาวะแล้วแสบขัด ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อย่ามองข้าม หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังได้