ทำไมเวลาเครียดต้องกินของหวาน

ทำไมเวลาเครียดต้องกินของหวาน? ความลับของน้ำตาลและวงจรแห่งความสุขชั่วคราว

เวลาเจอเรื่องเครียด หลายคนมักจะเผลอตัวไปหยิบขนมหวานมากิน ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต เค้ก ไอศกรีม หรือแม้แต่เครื่องดื่มรสหวาน ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับอยู่เบื้องหลัง

เมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ฮอร์โมนนี้จะทำให้เรารู้สึกอยากอาหารประเภทที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เพราะสมองรับรู้ว่าอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานที่รวดเร็ว ซึ่งจำเป็นต่อการรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด นอกจากนี้ น้ำตาลยังกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทอย่างเซโรโทนินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับความสุขและความพึงพอใจ ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นชั่วขณะ จึงเหมือนเป็นการ “ปลอบประโลม” ตัวเองทางอ้อม

อย่างไรก็ตาม ความสุขจากการกินของหวานในยามเครียดเป็นเพียงความสุขชั่วคราว เพราะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เราก็จะกลับมารู้สึกเครียดอีกครั้ง และอาจเครียดกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น การกินของหวานมากเกินไปยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และปัญหาสุขภาพอื่นๆ

ดังนั้น แม้ว่าการกินของหวานจะเป็นวิธีแก้เครียดที่ง่ายและได้ผลเร็ว แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในระยะยาว เราควรหันมาดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่นๆ ที่ช่วยลดความเครียดได้อย่างยั่งยืนและดีต่อสุขภาพมากกว่า เช่น

• ฟังเพลงโปรด: เสียงเพลงสามารถช่วยผ่อนคลายอารมณ์และลดความตึงเครียดได้ เลือกเพลงที่คุณชอบและทำให้รู้สึกสบายใจ
• อ่านหนังสือ: การอ่านหนังสือช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากเรื่องที่ทำให้เครียด และยังช่วยพัฒนาสมองอีกด้วย
• ออกกำลังกายเบาๆ: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขตามธรรมชาติ แม้เพียงแค่การเดินเล่นหรือยืดเส้นยืดสายก็ช่วยได้
• ใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรัก: การพูดคุย หัวเราะ และแบ่งปันความรู้สึกกับคนใกล้ชิด ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีกำลังใจมากขึ้น
• ฝึกสมาธิ: การฝึกสมาธิช่วยให้จิตใจสงบ ลดความฟุ้งซ่าน และเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความเครียด

การเลือกวิธีจัดการความเครียดที่เหมาะสมกับตัวเอง เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีในระยะยาว อย่าปล่อยให้ความเครียดพาคุณไปสู่วงจรแห่งความสุขชั่วคราวจากของหวาน แต่จงเลือกเส้นทางแห่งสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน