ท้องอืดควรไปหาหมอไหม

ท้องอืด: เมื่อไรควรไปหาหมอ?

ท้องอืดเป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน มักเกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินไป การกินอาหารเร็วเกินไป หรือการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น ผักใบเขียว ถั่ว ผลไม้ ซึ่งอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยทั่วไปแล้ว ท้องอืดเป็นอาการที่ไม่ร้ายแรงและสามารถหายไปได้เอง แต่ในบางกรณี อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการและปรึกษาแพทย์เมื่อจำเป็น

เมื่อใดควรไปพบแพทย์?

• อาการท้องอืดเรื้อรัง: หากมีอาการท้องอืดเป็นประจำ เกิดขึ้นบ่อยครั้งและไม่หายไปเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
• อาการท้องอืดรุนแรง: หากมีอาการท้องอืดรุนแรงจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน เช่น ทานอาหารได้น้อยลง รู้สึกอึดอัด เจ็บหน้าอก ควรปรึกษาแพทย์ทันที
• อาการท้องอืดร่วมกับอาการอื่นๆ: อาการท้องอืดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารอย่างรุนแรง ถ่ายอุจจาระผิดปกติ มีเลือดปนในอุจจาระ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว หรือมีไข้ ควรพบแพทย์ทันที อย่าปล่อยไว้นาน เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง

สาเหตุของท้องอืดที่ควรระวัง

• โรคกระเพาะ: การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและนำไปสู่การท้องอืด
• โรคกรดไหลย้อน: กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้รู้สึกแสบร้อนที่หน้าอกและท้องอืด
• โรคเกี่ยวกับลำไส้: โรคโครห์น โรคกระเพาะอักเสบ อาจทำให้เกิดท้องอืดเรื้อรัง
• โรคมะเร็ง: ในบางกรณี ท้องอืดอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน

การวินิจฉัยและรักษา

แพทย์จะทำการซักประวัติ สอบถามอาการ และทำการตรวจร่างกาย เช่น การตรวจร่างกาย การตรวจเลือด การตรวจอุจจาระ หรือการตรวจเอกซเรย์ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุของท้องอืด และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การใช้ยา หรือการผ่าตัด

สรุป

ท้องอืดเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยทั่วไปแล้วไม่ร้ายแรง แต่ถ้ามีอาการท้องอืดเรื้อรัง อาการรุนแรง หรือร่วมกับอาการอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยไว้นาน เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้