ท้องเสียแบบไหนต้องนอนรพ.

ท้องเสียแบบไหน…สัญญาณเตือนที่ต้องไปโรงพยาบาล

อาการท้องเสียเป็นเรื่องที่ใครหลายคนอาจเคยเจอ แต่บางครั้งอาการ “ท้องเสีย” ที่ดูเหมือนธรรมดา อาจซ่อนสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังต้องการความช่วยเหลือจากแพทย์อย่างเร่งด่วน การทราบถึงสัญญาณเตือนที่ควรรีบไปโรงพยาบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

ท้องเสียแบบไหน…ที่ต้องรีบพบแพทย์?

อาการท้องเสียที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษและควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน มีดังนี้:

• ถ่ายเหลวถี่จัดจนอ่อนเพลีย: การถ่ายเหลวหลายครั้งติดต่อกันในระยะเวลาอันสั้น (เช่น มากกว่า 6 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง) ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในปริมาณมาก นำไปสู่อาการอ่อนเพลีย อ่อนแรง หมดเรี่ยวแรง และอาจถึงขั้นเป็นลมได้

• อาเจียนรุนแรงจนทานอาหารหรือน้ำไม่ได้: การอาเจียนร่วมกับท้องเสียยิ่งเร่งให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากขึ้น การไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้เลย ทำให้ร่างกายไม่สามารถทดแทนสิ่งที่สูญเสียไป ส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงได้

• มีไข้สูงร่วมกับอาการท้องเสีย: ไข้สูง (มากกว่า 38 องศาเซลเซียส) บ่งบอกว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต การมีไข้สูงร่วมกับอาการท้องเสียอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อรุนแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

• ปวดท้องรุนแรง: อาการปวดท้องแบบบิดเกร็ง ปวดตลอดเวลา หรือปวดจนทนไม่ไหว อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน เช่น ลำไส้อักเสบ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วน

• มีมูกเลือดปนอุจจาระ: การมีมูกเลือดปนอุจจาระเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีการอักเสบหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร อาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้อักเสบ (Inflammatory Bowel Disease – IBD) หรือการติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรง

• อาการของภาวะขาดน้ำ: ภาวะขาดน้ำเป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าที่ได้รับ อาการของภาวะขาดน้ำที่ควรสังเกต ได้แก่ ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำมาก ปัสสาวะน้อยลงและมีสีเข้ม (สีเหลืองเข้มหรือสีส้ม) เวียนศีรษะ หน้ามืด อ่อนเพลีย และผิวหนังเหี่ยว

สิ่งที่ควรทำก่อนไปโรงพยาบาล:

• จดบันทึกอาการ: พยายามจดบันทึกอาการที่เกิดขึ้นทั้งหมด เช่น จำนวนครั้งที่ถ่ายเหลวหรืออาเจียน ลักษณะของอุจจาระ (มีมูกเลือดปนหรือไม่) ระดับความปวดท้อง และอุณหภูมิร่างกาย ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการวินิจฉัยโรค

• ดื่มน้ำเกลือแร่: หากสามารถดื่มน้ำได้ ให้จิบน้ำเกลือแร่ (ORS – Oral Rehydration Solution) เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสียไป

• หลีกเลี่ยงอาหาร: งดอาหารรสจัด อาหารมัน และอาหารที่มีกากใยสูง

คำแนะนำเพิ่มเติม:

• หากมีอาการท้องเสียในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ

• การดูแลสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือบ่อยๆ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องเสีย

อาการท้องเสียอาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การสังเกตอาการและรู้เท่าทันสัญญาณอันตราย จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต