ทําไมประจําเดือนถึงมีมูกเลือดออกมาก

1 การดู

ประจำเดือนที่มีมูกเลือดมากอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ส่งผลต่อเยื่อบุมดลูก ทำให้เยื่อบุหนาตัวและหลุดลอกออกมามากขึ้น ปริมาณเลือดและมูกที่ออกมาจึงเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้องรุนแรง หรือมีไข้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ประจำเดือนกับมูกเลือด: เมื่อไหร่ที่ควรสังเกตและใส่ใจ

ประจำเดือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้หญิงที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและฮอร์โมนที่ซับซ้อน หนึ่งในลักษณะที่ผู้หญิงหลายคนอาจเคยสังเกตเห็นคือการมีมูกเลือดปนออกมากับประจำเดือน ซึ่งโดยปกติแล้วถือเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อใดที่ปริมาณมูกเลือดมากผิดปกติก็อาจทำให้เกิดความกังวลใจได้

ทำไมถึงมีมูกเลือดในประจำเดือน?

โดยปกติแล้ว เยื่อบุมดลูกจะมีการสร้างและสลายตัวเป็นรอบๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ หากไม่มีการปฏิสนธิ เยื่อบุมดลูกก็จะหลุดลอกออกมากลายเป็นประจำเดือน ซึ่งประกอบด้วยเลือด เยื่อบุผนังมดลูกที่ตายแล้ว และสารคัดหลั่งต่างๆ ที่รวมถึง “มูก” ซึ่งมีหน้าที่ช่วยหล่อลื่นและป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด

ปัจจัยที่ทำให้ประจำเดือนมีมูกเลือดมากผิดปกติ:

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตของเยื่อบุมดลูก หากระดับเอสโตรเจนสูงขึ้น เยื่อบุมดลูกอาจหนาตัวมากขึ้น ทำให้เมื่อถึงรอบประจำเดือน ก็จะมีการหลุดลอกออกมาในปริมาณที่มากขึ้นตามไปด้วย
  • การใช้ยาคุมกำเนิด: ยาคุมกำเนิดบางชนิดอาจส่งผลต่อความหนาของเยื่อบุมดลูก ทำให้ประจำเดือนมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีปริมาณมากขึ้นหรือน้อยลง รวมถึงมีมูกเลือดปนมากขึ้นได้
  • ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน (PID): การติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์อาจทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง ซึ่งอาจส่งผลให้มีการผลิตมูกมากขึ้นและปนออกมากับประจำเดือน
  • เนื้องอกในมดลูกหรือปากมดลูก: เนื้องอกบางชนิดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูกและการผลิตมูก ซึ่งอาจส่งผลให้ประจำเดือนมีลักษณะผิดปกติ
  • ภาวะอื่นๆ: เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือนได้เช่นกัน

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์?

แม้ว่าการมีมูกเลือดในประจำเดือนจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม:

  • ประจำเดือนมามากผิดปกติ: เลือดประจำเดือนออกมากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยกว่าปกติ หรือมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ออกมา
  • ปวดท้องรุนแรง: ปวดท้องมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
  • มีไข้: ไข้สูงร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ
  • มีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน: เลือดออกกระปริดกระปรอยนอกเหนือจากช่วงประจำเดือน
  • มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ: สารคัดหลั่งจากช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
  • มีอาการคันหรือระคายเคืองบริเวณช่องคลอด: อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ

บทสรุป

ประจำเดือนที่มีมูกเลือดมากอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรละเลย หากมีอาการผิดปกติร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม การใส่ใจและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที