บริจาคเลือด ได้ตรวจโรคอะไรบ้าง

บริจาคเลือด…มากกว่าการให้ชีวิต คือการให้ความมั่นใจในการตรวจสุขภาพเบื้องต้น

การบริจาคโลหิตเป็นการกระทำอันสูงค่าที่ช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน แต่เหนือกว่าการช่วยเหลือผู้อื่น การบริจาคโลหิตยังเป็นโอกาสให้ผู้บริจาคได้ตรวจสุขภาพเบื้องต้นบางอย่าง ซึ่งแม้จะไม่ครอบคลุมทุกโรค แต่ก็เป็นการเฝ้าระวังสุขภาพตนเองได้อีกทางหนึ่ง

ก่อนที่โลหิตที่บริจาคจะถูกนำไปใช้ ทุกถุงจะต้องผ่านกระบวนการตรวจวิเคราะห์อย่างเข้มงวด ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยต่อผู้รับโลหิต กระบวนการนี้ครอบคลุมการตรวจหาเชื้อโรคและหมู่เลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบต่อไปนี้:

• หมู่เลือด ABO และ Rh: การตรวจนี้สำคัญที่สุด เพราะความเข้ากันได้ของหมู่เลือดเป็นปัจจัยหลักในการถ่ายเลือด ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นการตรวจสอบให้ถูกต้องแม่นยำเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่ง

• เชื้อไวรัสตับอักเสบ B (HBV): ไวรัสตับอักเสบ B เป็นไวรัสที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางเลือดได้ การตรวจหาเชื้อนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังผู้รับโลหิต

• เชื้อไวรัสตับอักเสบ C (HCV): เช่นเดียวกับ HBV HCV ก็สามารถแพร่กระจายผ่านทางเลือดได้เช่นกัน การตรวจหาเชื้อ HCV จึงเป็นอีกขั้นตอนสำคัญในการคัดกรองเลือดบริจาค

• เชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus): HIV เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ การตรวจหาเชื้อ HIV เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคเอดส์ผ่านทางการถ่ายเลือด

• ซิฟิลิส (Syphilis): ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางเลือดได้ การตรวจหาเชื้อซิฟิลิสจึงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของโลหิตบริจาค

สิ่งที่ควรทราบ:

การตรวจเลือดในการบริจาคโลหิต ไม่ใช่ การตรวจสุขภาพทั่วไป ผลการตรวจเหล่านี้มีไว้เพื่อประเมินความปลอดภัยของโลหิตที่จะนำไปใช้ และเพื่อปกป้องทั้งผู้บริจาคและผู้รับโลหิต หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าใช้การบริจาคโลหิตเป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยโรค

การบริจาคโลหิตจึงเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ที่นอกจากจะช่วยชีวิตผู้อื่นแล้ว ยังช่วยให้เรามีโอกาสตรวจสุขภาพเบื้องต้น เพื่อเฝ้าระวังสุขภาพของตนเองได้อีกด้วย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดี ด้วยการบริจาคโลหิตกันเถอะ