บวมมีกี่ประเภท

5 การดู

การบวมที่เกิดจากการสะสมของของเหลวในร่างกาย มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ บวมชนิดน้ำเหลือง และบวมชนิดน้ำในเนื้อเยื่อ บวมชนิดน้ำเหลือง เกิดจากการสะสมของของเหลวในระบบน้ำเหลือง ส่วนบวมชนิดน้ำในเนื้อเยื่อ เกิดจากการสะสมของของเหลวในเนื้อเยื่อ ซึ่งมีสาเหตุหลากหลาย เช่น การอักเสบ การติดเชื้อ หรือการขาดน้ำ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการบวม: เจาะลึกความแตกต่างและสาเหตุที่หลากหลาย

อาการบวม คือภาวะที่เนื้อเยื่อในร่างกายมีของเหลวสะสมอยู่มากผิดปกติ ทำให้เกิดอาการตึง ผิวหนังบริเวณนั้นอาจจะเรียบตึง และกดแล้วบุ๋ม ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย เช่น ขา เท้า มือ แขน ใบหน้า และรอบดวงตา แม้ว่าอาการบวมมักจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่อาจซ่อนอยู่ และความเข้าใจในประเภทของอาการบวมจะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

โดยทั่วไป อาการบวมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสาเหตุและตำแหน่งที่เกิด แต่หากแบ่งตามลักษณะของของเหลวที่สะสม สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  1. บวมน้ำเหลือง (Lymphedema): เกิดจากการอุดตันหรือการทำงานที่บกพร่องของระบบน้ำเหลือง ซึ่งมีหน้าที่ระบายของเหลวส่วนเกิน สารพิษ และของเสียออกจากเนื้อเยื่อ เมื่อระบบน้ำเหลืองทำงานผิดปกติ ของเหลวเหล่านี้จะสะสมในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดอาการบวม โดยมักจะเกิดที่แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง และอาจมีอาการผิวหนังหนาและแข็งร่วมด้วย บวมน้ำเหลืองมักเป็นภาวะเรื้อรัง และต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ตัวอย่างสาเหตุของบวมน้ำเหลือง เช่น การผ่าตัดเอาต่อมน้ำเหลืองออก การติดเชื้อปรสิตบางชนิด หรือความผิดปกติแต่กำเนิดของระบบน้ำเหลือง

  2. บวมน้ำทั่วไป (Generalized edema / Peripheral edema): เป็นอาการบวมที่เกิดจากการสะสมของของเหลวในเนื้อเยื่อ ซึ่งมีสาเหตุที่หลากหลายกว่าบวมน้ำเหลือง เช่น

    • ภาวะหัวใจล้มเหลว: หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เลือดคั่งและของเหลวรั่วซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อ โดยเฉพาะที่ขาและเท้า
    • โรคไต: ไตทำงานผิดปกติ ไม่สามารถขับของเหลวและเกลือส่วนเกินออกจากร่างกายได้
    • โรคตับ: การทำงานของตับบกพร่อง ทำให้โปรตีนในเลือดต่ำ ส่งผลให้ของเหลวรั่วซึมออกจากเส้นเลือด
    • การรับประทานยาบางชนิด: เช่น ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด และสเตียรอยด์
    • การตั้งครรภ์: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการกดทับของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น อาจทำให้เกิดอาการบวมที่ขาและเท้า
    • การยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน: ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
    • การได้รับบาดเจ็บ: เช่น เคล็ดขัดยอก กระดูกหัก

นอกจากนี้ ยังมีอาการบวมที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น อาการแพ้ การติดเชื้อ ภาวะขาดสารอาหาร และภาวะเส้นเลือดขอด ดังนั้น หากมีอาการบวมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม