ปวดบั้นเอวด้านหลังเป็นโรคอะไร

3 การดู

อาการปวดบั้นเอวอาจเกิดจากกล้ามเนื้อตึงบริเวณสะโพกและหลังส่วนล่าง ซึ่งมักเกิดจากการนั่งนานๆ หรือยกของหนักไม่ถูกวิธี การดื่มน้ำน้อยเกินไปหรือการขาดการออกกำลังกายก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอและเสี่ยงต่อการปวดได้ การพักผ่อนอย่างเพียงพอและการยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญต่อการป้องกันอาการปวดนี้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปวดบั้นเอว…สัญญาณเตือนอะไรจากร่างกายของคุณ?

อาการปวดบั้นเอวเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย ความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่ปวดเล็กน้อยจนถึงปวดอย่างรุนแรงจนกระทั่งเคลื่อนไหวลำบาก แต่ก่อนที่จะตื่นตระหนกและวินิจฉัยตัวเอง เรามาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ของอาการปวดบั้นเอวกันเสียก่อน เพราะอาการปวดนี้ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวเสมอไป

สาเหตุที่พบบ่อยของอาการปวดบั้นเอว:

แน่นอนว่าการมีกล้ามเนื้อตึงบริเวณสะโพกและหลังส่วนล่างนั้นเป็นสาเหตุสำคัญ และหลายปัจจัยนำไปสู่ภาวะนี้ เช่น

  • การนั่งนานๆ: พฤติกรรมการนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ลุกไปเคลื่อนไหวร่างกาย การนั่งท่าที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างต้องทำงานหนักและเกิดการเกร็งตัว ส่งผลให้ปวดบั้นเอวได้ง่าย
  • การยกของหนักไม่ถูกวิธี: การยกของหนักโดยไม่ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง เช่น การงอตัวลงยกของโดยไม่งอเข่า จะเพิ่มแรงกดดันต่อกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและปวดบั้นเอว
  • การขาดการออกกำลังกาย: การขาดการออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอ ไม่สามารถรองรับน้ำหนักและการเคลื่อนไหวของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
  • ภาวะขาดน้ำ: น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย รวมถึงแผ่นกระดูกอ่อนในกระดูกสันหลัง การดื่มน้ำน้อยเกินไปจะทำให้แผ่นกระดูกอ่อนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และเสี่ยงต่อการปวดบั้นเอว
  • การนอนผิดท่า: ท่านอนที่ไม่เหมาะสม เช่น นอนตะแคงตัวตรง หรือใช้หมอนรองคอที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ นำไปสู่การปวดบั้นเอวได้
  • โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ: อาการปวดบั้นเอวอาจเป็นอาการแสดงของโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อต่างๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคข้ออักเสบ หรือโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ความเครียด: ความเครียดสามารถส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเกร็งตัวและปวดได้ รวมถึงปวดบั้นเอวด้วย

เมื่อใดควรพบแพทย์?

แม้ว่าอาการปวดบั้นเอวส่วนใหญ่จะบรรเทาได้ด้วยการพักผ่อน การยืดกล้ามเนื้อ และการใช้ยาแก้ปวด แต่ควรไปพบแพทย์หาก:

  • อาการปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
  • มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่ขา
  • ปวดร้าวลงขา
  • มีไข้
  • มีประวัติการบาดเจ็บที่หลังอย่างรุนแรง

แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และอาจสั่งการตรวจเพิ่มเติม เช่น X-ray หรือ MRI เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดบั้นเอว และให้การรักษาที่เหมาะสม อย่าละเลยอาการปวดบั้นเอว เพราะการรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง

การป้องกัน

การป้องกันดีกว่าการรักษา เราสามารถลดโอกาสการเกิดอาการปวดบั้นเอวได้ด้วยการ:

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
  • ยกของหนักอย่างถูกวิธี
  • รักษาท่านั่งและท่านอนให้ถูกต้อง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป ควรลุกไปเดินหรือเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ

การเข้าใจสาเหตุและวิธีการป้องกันอาการปวดบั้นเอวจะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพหลังของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่าลืมปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัยหรืออาการปวดรุนแรง เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง