ปวดหัวแบบไหนถึงต้องไปหาหมอ

ปวดหัวแบบไหน…สัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม

ปวดหัว เป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน บางครั้งเกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารบางชนิด ซึ่งอาการเหล่านี้มักบรรเทาได้ด้วยการพักผ่อน ดื่มน้ำ และรับประทานยาแก้ปวดทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีอาการปวดหัวบางประเภทที่เป็นสัญญาณเตือนภัย บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง และจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

อาการปวดหัวที่ควรต้องรีบไปพบแพทย์ สามารถสังเกตได้จากลักษณะดังต่อไปนี้:

• ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน ราวกับถูกกระแทกอย่างแรง: อาการปวดหัวลักษณะนี้มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก แตกต่างจากอาการปวดหัวทั่วไป อาจเป็นสัญญาณของภาวะเลือดออกในสมอง ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต
• ปวดหัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวด: หากอาการปวดหัวเป็นต่อเนื่องยาวนานหลายวัน หรือมีอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้รับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
• ปวดหัวร่วมกับอาการทางระบบประสาท: เช่น แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน มีอาการชา หรือมีอาการชัก อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบประสาท เช่น เส้นเลือดในสมองแตก เนื้องอกในสมอง หรือโรคหลอดเลือดสมอง
• ปวดหัวที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือมีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม: หากมีอาการปวดหัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือลักษณะการปวดหัวเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น ปวดรุนแรงขึ้น ปวดบ่อยขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรงก็ตาม
• ปวดหัวร่วมกับอาการอื่นๆ: เช่น มีไข้สูง คอแข็ง ซึม อาเจียนพุ่ง ตาพร่ามัว หรือมีผื่นขึ้นตามตัว อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อในสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
• ปวดหัวหลังได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ: แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่หากมีอาการปวดหัวหลังได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คว่ามีภาวะเลือดออกในสมองหรือไม่

อย่านิ่งนอนใจกับอาการปวดหัวที่ผิดปกติ การไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้