ปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรียเกิดจากอะไร

0 การดู

การติดเชื้อปัสสาวะในเด็กเล็กอาจเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียจากบริเวณอวัยวะเพศเข้าสู่ท่อปัสสาวะ เนื่องจากการเช็ดทำความสะอาดไม่ถูกวิธี หรือจากการที่รูท่อปัสสาวะอยู่ใกล้กับทวารหนัก ซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้ง่าย การดื่มน้ำน้อยก็เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เชื้อแบคทีเรียเพิ่มจำนวนในปัสสาวะได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรียในเด็กเล็ก: กลไกการเกิดและปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้

การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection – UTI) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้หญิง เนื่องจากลักษณะทางกายวิภาคที่เอื้อต่อการติดเชื้อมากกว่า การทำความเข้าใจถึงกลไกการเกิดและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลเด็กได้อย่างเหมาะสม

ต้นเหตุของการติดเชื้อ: แบคทีเรียจากภายนอก

โดยปกติแล้ว ปัสสาวะของคนเรานั้นปราศจากเชื้อโรค แต่เมื่อแบคทีเรียจากภายนอกเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ ก็จะสามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ สาเหตุหลักมักมาจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะ Escherichia coli (E. coli) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในอุจจาระ

กลไกการเกิดในเด็กเล็ก: เหตุใดจึงเสี่ยงกว่า?

ในเด็กเล็ก กลไกการเกิด UTI มักเกี่ยวข้องกับปัจจัยดังต่อไปนี้:

  • การปนเปื้อนจากบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก: เด็กเล็กยังไม่สามารถดูแลสุขอนามัยส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ การเช็ดทำความสะอาดหลังขับถ่ายที่ไม่ถูกวิธี (เช็ดจากด้านหลังไปด้านหน้า) จะทำให้แบคทีเรียจากทวารหนักแพร่กระจายเข้าสู่ท่อปัสสาวะได้ง่าย นอกจากนี้ เด็กบางคนอาจมีรูเปิดท่อปัสสาวะที่อยู่ใกล้กับทวารหนักมากกว่าปกติ ทำให้แบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
  • การกลั้นปัสสาวะ: การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน จะทำให้ปัสสาวะที่คั่งค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียได้ดี หากเด็กไม่ได้รับการกระตุ้นให้ปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • การดื่มน้ำไม่เพียงพอ: น้ำเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยชะล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ หากเด็กดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะจะมีความเข้มข้นสูง ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย นอกจากนี้ การดื่มน้ำน้อยยังทำให้ปัสสาวะน้อยลง ซึ่งลดโอกาสในการชะล้างแบคทีเรียออกไป
  • ความผิดปกติทางกายวิภาค: ในเด็กบางคน อาจมีความผิดปกติทางกายวิภาคของทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อไตตีบตัน หรือภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ UTI

ปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมที่ควรพิจารณา:

นอกเหนือจากกลไกการเกิดที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่:

  • การใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป: ความอับชื้นที่เกิดจากการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ และเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ
  • การใส่สายสวนปัสสาวะ: ในเด็กที่จำเป็นต้องใส่สายสวนปัสสาวะ อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ UTI มากขึ้น เนื่องจากสายสวนเป็นช่องทางให้แบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะได้โดยตรง
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: เด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เด็กที่ป่วยเรื้อรัง หรือเด็กที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ UTI มากกว่าเด็กทั่วไป

การป้องกันและดูแล:

การป้องกัน UTI ในเด็กเล็กสามารถทำได้โดย:

  • สอนสุขอนามัยส่วนตัวที่ถูกต้อง: สอนให้เด็กเช็ดทำความสะอาดหลังขับถ่ายจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ
  • กระตุ้นให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ: ให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ ตลอดวัน เพื่อให้ปัสสาวะใสและช่วยชะล้างแบคทีเรีย
  • ให้ปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ: กระตุ้นให้เด็กปัสสาวะบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
  • เปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆ: เปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีเมื่อเปียกชื้น เพื่อลดความอับชื้นและการระคายเคือง
  • ปรึกษาแพทย์: หากสงสัยว่าเด็กอาจมี UTI ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

การตระหนักถึงกลไกการเกิดและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ จะช่วยให้เราสามารถดูแลเด็กได้อย่างเหมาะสม และลดโอกาสในการเกิด UTI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลสุขอนามัยที่ดี การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ และการปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย จะเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญสำหรับสุขภาพของลูกน้อย