ริมฝีปากบวมและคันเกิดจากอะไร

2 การดู

ริมฝีปากบวมและคันอาจเกิดจากการสัมผัสสารระคายเคืองไม่ทราบชนิด เช่น เครื่องสำอางหรือลิปสติกบางชนิด นอกจากนี้ โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง ก็อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ริมฝีปากบวม คัน ยิบๆ: สัญญาณเตือนภัยที่ต้องใส่ใจ

ริมฝีปากที่เคยอวบอิ่ม กลับกลายเป็นบวมเป่ง แถมยังมาพร้อมอาการคันยุบยิบ ชวนให้หงุดหงิด อาการเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามที่ต้องกังวล แต่มันอาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่กำลังบอกว่า “มีบางอย่างผิดปกติ!”

แน่นอนว่าสาเหตุที่พบบ่อยคือการ สัมผัสกับสารระคายเคือง อย่างที่คุณได้กล่าวไว้ ไม่ว่าจะเป็นลิปสติกสีใหม่ที่เพิ่งลอง เครื่องสำอางที่หมดอายุ หรือแม้แต่ยาสีฟันสูตรพิเศษที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ สิ่งเหล่านี้อาจมีส่วนผสมบางอย่างที่ผิวริมฝีปากของคุณไม่ถูกกัน จนเกิดปฏิกิริยาแพ้ขึ้นมา

แต่ริมฝีปากบวมและคันไม่ได้มีแค่สาเหตุเดียวที่เกี่ยวกับภายนอกเท่านั้น ภายในร่างกายของเราเองก็อาจเป็นต้นเหตุได้เช่นกัน โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) หรือโรคผิวหนังโรซาเซีย (Rosacea) สามารถลามมาถึงบริเวณริมฝีปากได้ ทำให้เกิดอาการบวม แดง คัน และแสบร้อน

นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้ เช่น

  • การแพ้อาหาร: อาหารบางชนิด เช่น ถั่ว นม หรืออาหารทะเล สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของริมฝีปากบวมและคันได้
  • การแพ้ยา: ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในรูปแบบของอาการแพ้ ซึ่งรวมถึงริมฝีปากบวมได้เช่นกัน
  • การติดเชื้อ: การติดเชื้อไวรัสเริม (Herpes simplex virus) สามารถทำให้เกิดตุ่มใสเล็กๆ ขึ้นบนริมฝีปาก ซึ่งอาจทำให้รู้สึกคัน แสบ และบวม
  • Angioedema: เป็นภาวะที่ทำให้เกิดอาการบวมบริเวณใต้ผิวหนัง มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากบวมที่บริเวณทางเดินหายใจ

เมื่อไหร่ที่ต้องไปพบแพทย์?

ถึงแม้ว่าอาการริมฝีปากบวมและคันส่วนใหญ่มักจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน แต่ก็มีบางกรณีที่ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน:

  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน: หากอาการยังคงอยู่หรือแย่ลง ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย: หากมีอาการอื่นๆ เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม หรือมีผื่นขึ้นตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  • อาการรุนแรง: หากริมฝีปากบวมมากจนทำให้พูดหรือกินอาหารลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์

การดูแลตัวเองเบื้องต้น:

  • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่สงสัย: หากสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ใดเป็นสาเหตุ ให้หยุดใช้ทันที
  • ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณริมฝีปากเพื่อลดอาการบวมและคัน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส: พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเกาบริเวณริมฝีปาก
  • ทาลิปบาล์ม: ทาลิปบาล์มที่ไม่มีน้ำหอมและสารระคายเคืองเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก

สิ่งสำคัญที่สุดคือการสังเกตอาการของตัวเองอย่างใกล้ชิด หากมีข้อสงสัยใดๆ อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที เพราะริมฝีปากที่สุขภาพดี คือสัญญาณของสุขภาพที่ดีโดยรวมของเรานั่นเอง