วิธีนับว่าประจำเดือนจะมาวันไหน

เดาใจ”เมนส์” คำนวณวันนั้นของเดือนอย่างไรให้แม่นยำ

การรู้รอบเดือนของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายได้อย่างมั่นใจ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการวางแผนครอบครัว และสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพได้อีกด้วย บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการคำนวณรอบเดือน และเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ที่จะช่วยให้คุณ “เดาใจเมนส์” ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

วิธีการคำนวณรอบเดือนที่ง่ายที่สุดคือการบันทึกวันแรกที่ประจำเดือนมาในแต่ละเดือน “วันแรก” หมายถึงวันที่เริ่มมีเลือดประจำเดือนออกมา ไม่ใช่วันที่แค่มีตกขาวปนเลือดจางๆ ให้บันทึกวันแรกนี้ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3-6 เดือน ยิ่งบันทึกนานเท่าไหร่ ยิ่งทำให้คำนวณได้แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อบันทึกครบแล้ว ให้นับจำนวนวันตั้งแต่วันแรกของประจำเดือนในเดือนหนึ่ง ไปจนถึงวันแรกของประจำเดือนในเดือนถัดไป ตัวเลขที่ได้คือความยาวของรอบเดือนของคุณ โดยทั่วไป รอบเดือนปกติจะอยู่ระหว่าง 21-35 วัน แต่ละคนจะมีความยาวรอบเดือนที่แตกต่างกัน และรอบเดือนของคนๆเดียวกันก็อาจไม่เท่ากันทุกเดือน ความผันผวนเล็กน้อยถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากรอบเดือนสั้นกว่า 21 วัน หรือยาวกว่า 35 วัน หรือมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในแต่ละเดือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

นอกเหนือจากการนับวัน ยังมีปัจจัยอื่นๆที่อาจส่งผลต่อรอบเดือน เช่น:

• ความเครียด: ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจสามารถส่งผลต่อฮอร์โมน ทำให้รอบเดือนมาเร็ว มาช้า หรือขาดหายไปได้
• การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว: ทั้งการเพิ่มหรือลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว อาจรบกวนสมดุลของฮอร์โมน และส่งผลต่อรอบเดือน
• การออกกำลังกายอย่างหนัก: การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไปอาจทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติได้
• ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาต้านเศร้า ยาโรคไทรอยด์ อาจมีผลข้างเคียงต่อรอบเดือน
• ภาวะสุขภาพบางอย่าง: ภาวะเช่น PCOS (กลุ่มอาการรังไข่หลายใบ) ปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์ หรือเนื้องอกในมดลูก ล้วนส่งผลต่อรอบเดือนได้

การบันทึกวันที่มาของประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย จะช่วยให้คุณเข้าใจรอบเดือนของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น