วิธีรักษาหิดมีอะไรบ้าง

2 การดู

การรักษาหิดควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและแผนการรักษาที่เหมาะสม อาจใช้ยาฆ่าเห็บเช่น permethrin หรือยาอื่นๆ ตามคำแนะนำแพทย์ การรักษาอาการคันร่วมด้วยอาจใช้ยาแก้คันหรือครีมลดการอักเสบ ควรดูแลรักษาความสะอาดร่างกายและซักล้างสิ่งของเครื่องใช้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของหิด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หิด: คู่มือการรักษาและการดูแลตัวเองอย่างครบวงจร (ฉบับอัพเดท)

หิด โรคผิวหนังที่เกิดจากการรบกวนของตัวไรหิดขนาดเล็กจิ๋ว ถึงแม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สร้างความรำคาญใจด้วยอาการคันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน การรู้ถึงวิธีการรักษาและการป้องกันที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณสามารถกำจัดหิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

บทความนี้จะเจาะลึกวิธีการรักษาหิดอย่างละเอียด พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เพื่อให้คุณเข้าใจถึงโรคนี้อย่างรอบด้าน และสามารถจัดการกับหิดได้อย่างมั่นใจ

การวินิจฉัยที่ถูกต้อง: ก้าวแรกสู่การรักษาที่ได้ผล

สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ อาการคันและผื่นที่ผิวหนังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน การวินิจฉัยที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของคุณจริงๆ

แพทย์ผิวหนังอาจทำการวินิจฉัยโดย:

  • ซักประวัติทางการแพทย์: สอบถามเกี่ยวกับอาการ, ประวัติการสัมผัสกับผู้ที่มีอาการ, และประวัติการแพ้ยา
  • ตรวจร่างกาย: ตรวจดูรอยโรค (ผื่น, ตุ่ม, ร่องรอยการขุด) ตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วมือ, ข้อพับ, ข้อมือ, ใต้รักแร้, และบริเวณอวัยวะเพศ
  • การขูดผิวหนัง: ในบางกรณี แพทย์อาจทำการขูดผิวหนังบริเวณที่เป็นรอยโรค เพื่อนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจหาตัวไรหิดหรือไข่ของมัน

วิธีการรักษาหิดที่แพทย์แนะนำ

หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นหิดแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพของคุณ โดยทั่วไป การรักษาหิดจะประกอบไปด้วย:

  • ยาฆ่าไรหิด: ยาเหล่านี้มีหลายรูปแบบ ทั้งชนิดทาและชนิดรับประทาน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและดุลยพินิจของแพทย์

    • Permethrin cream: เป็นยาที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ใช้ทาบางๆ ทั่วตัว (ยกเว้นใบหน้าและศีรษะในผู้ใหญ่) ทิ้งไว้ 8-14 ชั่วโมง แล้วล้างออก ทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์
    • Ivermectin: เป็นยาชนิดรับประทาน มักใช้ในกรณีที่หิดรุนแรง, หิดดื้อยา, หรือในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ยานี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์
    • อื่นๆ: นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาอื่นๆ เช่น Lindane (ระมัดระวังในการใช้ เนื่องจากมีผลข้างเคียง), Benzyl benzoate, หรือ Sulfur ointment ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม

สำคัญ:

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในการใช้ยา

  • ทายาหรือรับประทานยาให้ครบตามกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว

  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีอาการแพ้ยา หรือมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา

  • ยาบรรเทาอาการคัน: นอกเหนือจากยาฆ่าไรหิดแล้ว แพทย์อาจสั่งยาบรรเทาอาการคันเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้น

    • Antihistamines: ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน ช่วยลดอาการคันและผื่นแดง
    • Corticosteroid creams: ครีมสเตียรอยด์ ช่วยลดการอักเสบและอาการคันเฉพาะที่ ใช้ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นผื่น
    • Calamine lotion: โลชั่นทาผิว ช่วยบรรเทาอาการคันและระคายเคือง

การดูแลตัวเองเพื่อการรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกำจัดหิดอย่างมีประสิทธิภาพ:

  • สุขอนามัยส่วนบุคคล: รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำด้วยสบู่อ่อนๆ เป็นประจำ
  • การซักล้างเสื้อผ้าและเครื่องนอน: ซักเสื้อผ้า, ผ้าปูที่นอน, ผ้าห่ม, และปลอกหมอน ด้วยน้ำร้อน (อย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส) แล้วอบให้แห้งด้วยความร้อนสูง ทำเช่นนี้กับทุกสิ่งที่คุณสัมผัสในช่วง 3 วันก่อนการรักษา
  • การกักกันสิ่งของ: สิ่งของที่ไม่สามารถซักได้ เช่น ของเล่นเด็ก, รองเท้า, หรือเสื้อผ้าบางชนิด ให้นำไปใส่ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท และทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้ตัวไรหิดตาย
  • การรักษาผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด: หากคุณเป็นหิด ผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน หรือผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับคุณ ควรได้รับการตรวจและรักษาไปพร้อมๆ กัน แม้ว่าจะไม่มีอาการก็ตาม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของหิด

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • การเกา: การเกาจะทำให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
  • การใช้ยาเอง: การใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์อาจทำให้อาการแย่ลง หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ข้อควรจำ:

  • อาการคันอาจยังคงอยู่แม้หลังจากได้รับการรักษาแล้ว เนื่องจากผิวหนังยังคงมีการอักเสบอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์
  • การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นหิด และรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอ

บทสรุป:

หิดเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และการป้องกันการแพร่กระจายโรค ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการกำจัดหิดอย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณสงสัยว่าตนเองเป็นหิด อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับมามีผิวหนังที่สุขภาพดี และปราศจากความรำคาญจากอาการคันอีกครั้ง