หมอจะรู้ได้ไงว่าเราเป็นไมเกรน

หมอวินิจฉัยไมเกรนได้อย่างไร?

อาการปวดหัวเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย แต่การปวดหัวไมเกรนนั้นแตกต่างจากอาการปวดหัวทั่วไป มันไม่ใช่แค่ปวดหัวธรรมดา แต่มาพร้อมกับความทรมานที่รุนแรงกว่า ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก แล้วหมอจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นไมเกรน ไม่ใช่แค่ปวดหัวธรรมดา? การวินิจฉัยไมเกรนนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยการตรวจเลือดหรือเอกซเรย์ แต่ต้องอาศัยการซักประวัติอย่างละเอียด การตรวจร่างกาย และการประเมินอาการต่างๆ ประกอบกัน

กระบวนการวินิจฉัยไมเกรนของแพทย์ ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้:

1. การซักประวัติอย่างละเอียด: นี่คือหัวใจสำคัญในการวินิจฉัยไมเกรน แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับลักษณะอาการปวดหัวอย่างละเอียด เช่น

   • ตำแหน่งที่ปวด: ปวดข้างเดียวหรือสองข้าง, บริเวณไหนของศีรษะ
   • ลักษณะการปวด: ปวดตุบๆ, ปวดแปลบๆ, ปวดตื้อๆ
   • ความรุนแรงของอาการปวด: ปวดเล็กน้อย, ปวดปานกลาง, ปวดรุนแรงจนทำงานไม่ได้
   • ระยะเวลาที่ปวด: ปวดนานกี่ชั่วโมงหรือกี่วัน
   • ปัจจัยกระตุ้น: มีอะไรที่ทำให้ปวดหัว เช่น ความเครียด, การอดนอน, อาหารบางชนิด, แสงจ้า, เสียงดัง
   • อาการร่วมอื่นๆ: มีอาการคลื่นไส้, อาเจียน, เห็นแสงวูบวาบ, เห็นภาพซิกแซก, ตาพร่ามัว, ไวต่อแสงและเสียงหรือไม่
   • ประวัติการปวดหัวในครอบครัว: มีคนในครอบครัวเป็นไมเกรนหรือไม่
   • ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน: อาการปวดหัวรบกวนการทำงาน, การเรียน, หรือกิจกรรมอื่นๆ หรือไม่

2. การตรวจร่างกาย: เพื่อแยกโรคอื่นๆ ที่อาจมีอาการคล้ายไมเกรน เช่น เนื้องอกในสมอง, เส้นเลือดในสมองโป่งพอง, การติดเชื้อ แพทย์จะตรวจระบบประสาท ตรวจการมองเห็น และตรวจร่างกายทั่วไป

3. การบันทึกอาการปวดหัว (Headache Diary): แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยบันทึกอาการปวดหัว โดยจดบันทึกลักษณะอาการ, ความรุนแรง, ระยะเวลา, ปัจจัยกระตุ้น, และอาการร่วมอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

4. การตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ (ในบางกรณี): หากแพทย์สงสัยว่าอาการปวดหัวอาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ร้ายแรงกว่า อาจส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจ MRI สมอง, การตรวจ CT Scan สมอง

การวินิจฉัยไมเกรนนั้นอาศัยข้อมูลจากการซักประวัติเป็นหลัก ดังนั้นการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องแก่แพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อย่าลังเลที่จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอาการปวดหัวของคุณ เพราะยิ่งแพทย์มีข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น เพื่อให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และหลุดพ้นจากความทรมานของไมเกรน