อยู่ดีๆตัวบวม เกิดจากอะไร

1 การดู

อาการบวมอาจเกิดจากการสะสมของของเหลวในร่างกาย สาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับการขาดน้ำอย่างรุนแรง การรับประทานอาหารเค็มจัด หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคไต โรคหัวใจ และโรคตับ หากบวมอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าละเลยอาการบวมที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันหรือรุนแรง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อยู่ดีๆ ตัวบวม: สัญญาณร่างกายที่ต้องใส่ใจ และไม่ใช่แค่เรื่องกินเค็ม

การตื่นเช้ามาแล้วพบว่าตัวเองตัวบวมขึ้นมาอย่างกะทันหัน อาจสร้างความตกใจและกังวลใจให้กับหลายๆ คน อาการบวมที่ว่านี้ คือการที่ร่างกายมีการสะสมของของเหลวในเนื้อเยื่อมากกว่าปกติ ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด บวมเป่ง กดลงไปแล้วบุ๋ม หรืออาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย

สาเหตุของอาการตัวบวมมีมากมายกว่าที่เราคิด และไม่ใช่แค่เรื่องการกินเค็มจัดเพียงอย่างเดียว แม้ว่าการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง (อาหารรสเค็ม) จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจซ่อนอยู่เบื้องหลังอาการบวมที่คุณเผชิญ

สาเหตุที่อาจแฝงอยู่เบื้องหลังอาการตัวบวม:

  • การขาดน้ำอย่างรุนแรง: ฟังดูขัดแย้งใช่ไหม? แต่เมื่อร่างกายขาดน้ำมากๆ ร่างกายจะพยายามกักเก็บน้ำที่มีอยู่ไว้ ทำให้เกิดอาการบวมได้
  • ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้ปวดบางประเภท หรือยาที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการบวมได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: โดยเฉพาะในผู้หญิง ช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือระหว่างตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เกิดอาการบวมได้
  • การนั่งหรือยืนนานๆ: การอยู่ในท่าเดิมนานๆ ทำให้การไหลเวียนโลหิตไม่ดี ทำให้เกิดอาการบวมที่ขาและเท้าได้
  • การแพ้: อาการแพ้อาหาร หรือสารอื่นๆ อาจทำให้เกิดอาการบวมตามผิวหนัง หรือบวมที่บริเวณใบหน้าและลำคอ
  • โรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ โรคไทรอยด์ หรือภาวะขาดโปรตีน อาจเป็นสาเหตุของอาการบวมได้

เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปพบแพทย์:

ถึงแม้ว่าอาการบวมเล็กน้อยอาจหายได้เอง แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม:

  • บวมอย่างกะทันหันและรุนแรง: โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือลิ้น เพราะอาจเป็นสัญญาณของอาการแพ้อย่างรุนแรง
  • บวมข้างเดียว: เช่น บวมเฉพาะขาข้างเดียว หรือแขนข้างเดียว อาจเป็นสัญญาณของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
  • บวมร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก หรือหายใจลำบาก: อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลว
  • บวมร่วมกับอาการปัสสาวะน้อยลง หรือปัสสาวะมีฟอง: อาจเป็นสัญญาณของโรคไต
  • อาการบวมไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง: แม้ว่าจะลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หรือพักผ่อนแล้วก็ตาม

สิ่งที่ควรทำเมื่อรู้สึกว่าตัวบวม:

  • สังเกตอาการ: จดบันทึกว่าบวมบริเวณไหน บวมเมื่อไหร่ มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน: ลดปริมาณโซเดียมในอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และอาหารที่มีรสจัด
  • ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดอาการบวมได้
  • ยกขาสูง: หากมีอาการบวมที่ขา ให้ยกขาสูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

สรุป:

อาการตัวบวมอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่าที่คิด การสังเกตอาการตัวเองอย่างใกล้ชิด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และพักผ่อนให้เพียงพอ อาจช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากอาการบวมรุนแรง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าละเลยสัญญาณที่ร่างกายส่งมา เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการใส่ใจในทุกรายละเอียด