อาการน็อคเบาหวานเป็นอย่างไร
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรง (severe hypoglycemia) หรือที่เรียกกันว่า น็อคเบาหวาน เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน พูดไม่ชัด มือสั่น เหงื่อออกมาก และอาจหมดสติได้ หากพบเห็นผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าว ควรรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
เมื่อน้ำตาลในเลือดตกต่ำ: รู้จักอาการน็อคเบาหวานและวิธีรับมือ
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือ ไฮโปไกลซีเมีย (Hypoglycemia) เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ หากระดับน้ำตาลตกต่ำอย่างรุนแรง เรียกว่า “น็อคเบาหวาน” ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที เพราะอาจนำไปสู่การหมดสติ ชัก และแม้กระทั่งเสียชีวิตได้ ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับความเร็วที่ระดับน้ำตาลลดลง ปริมาณน้ำตาลที่ลดลง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
อาการของน็อคเบาหวานนั้นมีความหลากหลายและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปสามารถจำแนกได้เป็น 2 กลุ่มอาการหลัก:
กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นก่อนการหมดสติ (Early warning signs): อาการเหล่านี้มักเป็นสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งมาให้เรารู้ว่าระดับน้ำตาลกำลังลดลง หากสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ควรรีบตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดทันทีและรับประทานหรือดื่มอะไรที่มีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว
- ความหิวโหยอย่างรุนแรง: ความรู้สึกหิวที่ผิดปกติและรุนแรงกว่าความหิวปกติ
- เหงื่อออกมากผิดปกติ: อาจมีเหงื่อออกมือออกเท้า หรือทั่วทั้งตัวอย่างมาก
- ใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว: รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจอย่างรวดเร็วและแรง
- มือสั่นหรือรู้สึกชาปลายมือปลายเท้า: ความรู้สึกไม่สบายตัวที่ปลายมือปลายเท้า
- เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน: อาการเหล่านี้มักมาพร้อมกับความอ่อนเพลีย
- อารมณ์แปรปรวน: อาจหงุดหงิด กระวนกระวายใจ ง่วงซึม หรือสับสน
- มองภาพไม่ชัด หรือสายตาพร่ามัว: การมองเห็นผิดปกติ
- ปวดศีรษะ: ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
กลุ่มอาการที่เกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำตาลต่ำอย่างรุนแรง (Severe symptoms): หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการเบื้องต้นอาจรุนแรงขึ้นและนำไปสู่:
- สับสนและพูดไม่ชัด: ความยากลำบากในการคิดและสื่อสาร
- หมดสติ: ภาวะที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวและตอบสนองต่อสิ่งเร้า
- ชัก: การหดเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
- การทำงานของสมองบกพร่อง: ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความจำและการเรียนรู้ในระยะยาว
หากพบเห็นบุคคลที่มีอาการน็อคเบาหวาน ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (หากเป็นไปได้): การตรวจวัดจะยืนยันการวินิจฉัยและช่วยในการตัดสินใจรักษา
- ให้ผู้ป่วยรับประทานหรือดื่มสิ่งที่มีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว: เช่น น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนชาละลายน้ำ น้ำหวาน ลูกอม หรือขนมหวาน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงผสมกับไขมันสูง เช่น ขนมปังเนย เพราะจะย่อยช้า
- ติดต่อแพทย์หรือหน่วยบริการทางการแพทย์ทันที: อย่าปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามลำพัง
- หากผู้ป่วยหมดสติ ให้วางผู้ป่วยในท่าตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด: อาจต้องฉีดกลูคากอน (glucagon) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
การป้องกันน็อคเบาหวานที่ดีที่สุดคือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ การรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง การออกกำลังกายเป็นประจำ และการติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ หากคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน ควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมโรคอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ
หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับภาวะน็อคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ
#น็อค#อาการ#เบาหวานข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต