อาการปวดกล้ามเนื้อเป็นยังไง

ปวดตุบๆ ต้นขาซ้าย…เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่?

อาการปวดกล้ามเนื้อเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป สาเหตุอาจมาจากการออกกำลังกายหนัก การใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง หรือแม้กระทั่งความเครียด แต่เมื่ออาการปวดเกิดขึ้นนาน และมีลักษณะเฉพาะ ก็ควรให้ความสำคัญและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เช่นกรณีของอาการปวดตุบๆ ที่ต้นขาซ้ายเป็นๆ หายๆ นานกว่า 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นประเด็นที่เราจะมาวิเคราะห์ร่วมกันในบทความนี้

จากข้อมูลที่ให้มา อาการปวดตุบๆ ที่ต้นขาซ้าย เป็นๆ หายๆ เป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์ โดยไม่มีรอยช้ำหรือบวม ถือเป็นอาการที่น่าสนใจ การที่ปวดเป็นๆ หายๆ อาจบ่งชี้ถึงการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นแบบเรื้อรัง หรืออาจเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อแบบ fibromyalgia (กลุ่มอาการปวดเส้นใยกล้ามเนื้อ) ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อเรื้อรัง แม้ว่าจะไม่มีการอักเสบอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม

ความรู้สึกตึงเมื่อยล้าเวลาออกกำลังกาย และอ่อนแรงเล็กน้อย ยิ่งสนับสนุนความเป็นไปได้ของการอักเสบ หรือการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป การที่การเคลื่อนไหวไม่ติดขัด เป็นสัญญาณที่ดี หมายความว่าไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกหรือข้อต่อ แต่การที่นวดแล้วรู้สึกดีขึ้นชั่วคราว ก็แสดงให้เห็นว่ากล้ามเนื้ออาจอยู่ในภาวะตึงเครียด และการนวดช่วยคลายความตึงเครียดนั้นได้ชั่วคราวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม อาการปวดที่ไม่รุนแรงแต่เป็นเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ เช่น การอักเสบของเส้นประสาท การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่ตรวจไม่พบ หรือแม้กระทั่งโรคอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์

ดังนั้น คำแนะนำคือ ควรไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง แพทย์จะสามารถตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด และให้คำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การกายภาพบำบัด การใช้ยา หรือการรักษาอื่นๆ การปล่อยปละละเลยอาการ อาจทำให้อาการลุกลาม และยากต่อการรักษาในอนาคต

สิ่งที่ควรทำในระหว่างนี้:

• พักผ่อนกล้ามเนื้อ: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ปวดมากขึ้น
• ประคบเย็น: เพื่อลดการอักเสบ
• ยืดกล้ามเนื้อเบาๆ: เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่ควรทำให้ปวดมากขึ้น
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายโดยรวม

อย่าเพิกเฉยต่ออาการปวดที่เกิดขึ้นนาน การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง และป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามไปมากกว่านี้