อาการปวดหัวขั้นรุนแรงมีอะไรบ้าง

เมื่อปวดหัวรุนแรง…ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ ที่ต้องมองข้าม

อาการปวดหัวเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดี หลายครั้งเป็นเพียงอาการเล็กน้อยที่เกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และมักหายได้เองเมื่อได้พักผ่อนหรือทานยาแก้ปวดทั่วไป แต่หากอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงผิดปกติ แตกต่างจากที่เคยเป็น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่เราคิด

ปวดหัวรุนแรง…แบบไหนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ?

อาการปวดหัวที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ไม่ได้วัดกันแค่ระดับความรุนแรงเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงลักษณะอาการและอาการร่วมอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติภายในร่างกาย ซึ่งอาการปวดหัวขั้นรุนแรงที่ควรระวัง มีดังนี้:

• ปวดหัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน: หากคุณไม่เคยมีประวัติปวดหัวมาก่อน และจู่ๆ ก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที คล้ายกับ “ฟ้าผ่า” หรือ “ระเบิดในหัว” นี่เป็นสัญญาณที่ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน
• ปวดหัวที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ: อาการปวดหัวที่เริ่มจากน้อยๆ แล้วค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะทานยาแก้ปวดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น หรือกลับแย่ลงกว่าเดิม นี่ก็เป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
• ปวดหัวร่วมกับอาการทางระบบประสาท: อาการปวดหัวที่มาพร้อมกับอาการผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวกับระบบประสาท เช่น คอแข็ง ชาหรืออ่อนแรงบริเวณแขนขา พูดจาไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน หรือมีปัญหาในการทรงตัว นี่อาจบ่งบอกถึงภาวะร้ายแรงที่ส่งผลต่อสมองและระบบประสาท
• ปวดหัวร่วมกับไข้สูง: อาการปวดหัวรุนแรงที่เกิดขึ้นพร้อมกับไข้สูง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในระบบประสาท เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือสมองอักเสบ ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
• ปวดหัวหลังได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ: หากเกิดอาการปวดหัวรุนแรงหลังจากการได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แม้ว่าจะเป็นการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ก็ควรได้รับการตรวจประเมินจากแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา

ทำไมต้องรีบพบแพทย์?

อาการปวดหัวรุนแรงที่กล่าวมาข้างต้น อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น:

• ภาวะเลือดออกในสมอง (Subarachnoid Hemorrhage): เกิดจากการแตกของหลอดเลือดในสมอง ทำให้มีเลือดไหลเข้าไปในช่องว่างรอบๆ สมอง ทำให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรงแบบฉับพลัน คล้ายกับ “ฟ้าผ่า”
• เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis): เป็นการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ทำให้มีอาการปวดหัว คอแข็ง ไข้สูง และคลื่นไส้อาเจียน
• เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor): เนื้องอกที่เกิดขึ้นในสมองสามารถกดทับเนื้อเยื่อสมอง ทำให้เกิดอาการปวดหัวเรื้อรังที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง
• ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง (Idiopathic Intracranial Hypertension): เป็นภาวะที่ความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ทำให้มีอาการปวดหัว มองเห็นภาพซ้อน และอาจส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาว

คำแนะนำเพิ่มเติม:

หากคุณมีอาการปวดศีรษะรุนแรงที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือปวดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ทานยาแล้วไม่ดีขึ้น และมีอาการร่วม เช่น คอแข็ง มองเห็นภาพซ้อน หรือพูดจาไม่ชัด ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน การวินิจฉัยที่รวดเร็วและการรักษาที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มโอกาสในการหายขาดได้

อย่าประมาทอาการปวดหัว…เพราะบางครั้ง มันอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยที่สำคัญกว่าที่คุณคิด