อาการหน้ามืดเป็นสัญญาณของโรคอะไรได้บ้าง

หน้ามืด วูบวาบ…สัญญาณเตือนภัยจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม

อาการหน้ามืด เป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน บางครั้งอาจเป็นเพียงอาการชั่วคราวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอิริยาบถอย่างรวดเร็ว เช่น ลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป หรือการขาดน้ำ แต่บางครั้งอาการหน้ามืดอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรงได้ หากอาการนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ควรนิ่งนอนใจและควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

อาการหน้ามืดที่เราพบเจอได้นั้น มีความหลากหลาย อาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก ใจสั่น มือเท้าเย็น หรือแม้กระทั่งหมดสติไปชั่วขณะ ซึ่งล้วนบ่งบอกถึงสาเหตุที่แตกต่างกันไป ต่อไปนี้คือโรคและภาวะที่อาจก่อให้เกิดอาการหน้ามืด:

1. ภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension): นี่เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย ความดันโลหิตต่ำทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ โดยเฉพาะเมื่อลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หรือในสภาพอากาศร้อนจัด

2. ภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอชั่วคราว (Transient Ischemic Attack – TIA): หรือที่เรียกว่า “ไมเกรนเล็กๆ” เป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดสมองชั่วคราว อาการจะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้ในอนาคต จึงควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว

3. โรคหัวใจ: ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหัวใจล้มเหลว หรือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ สามารถทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองลดลง ก่อให้เกิดอาการหน้ามืด วูบวาบ ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก

4. ภาวะโลหิตจาง (Anemia): การขาดธาตุเหล็กหรือวิตามินบี 12 ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง ทำให้เกิดอาการหน้ามืด อ่อนเพลีย

5. ภาวะขาดน้ำ (Dehydration): การขาดน้ำทำให้ปริมาณเลือดลดลง ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง ก่อให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน

6. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia): โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป สมองจะได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น เหงื่อออกมาก ใจสั่น

7. ฤทธิ์ข้างเคียงของยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการหน้ามืด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ

เมื่อใดควรพบแพทย์?

หากคุณประสบกับอาการหน้ามืดบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง พูดลำบาก อ่อนแรงครึ่งซีก หรือหมดสติ ควรไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม การป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการหน้ามืด

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เสมอ