อาการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8 มีอะไรบ้าง

2 การดู

การอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่แปดอาจแสดงอาการหูอื้ออย่างรุนแรงร่วมกับอาการเวียนศีรษะอย่างฉับพลัน บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะรุนแรงเฉพาะจุด หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระดับความเสียหายของเส้นประสาท

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่แปด: เมื่อการทรงตัวและการได้ยินถูกรบกวน

เส้นประสาทสมองคู่ที่แปด (Vestibulocochlear nerve) มีหน้าที่สำคัญในการรับรู้ทั้งเสียงและการทรงตัว การอักเสบของเส้นประสาทนี้ หรือที่เรียกว่า Vestibulocochlear neuritis หรือ Labyrinthitis จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการได้ยินและการทรงตัว ก่อให้เกิดอาการที่หลากหลายและรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระดับความเสียหายของเส้นประสาทที่ได้รับผลกระทบ

อาการที่พบบ่อยและเป็นลักษณะเด่นของการอักเสบเส้นประสาทสมองคู่ที่แปด คือ การสูญเสียการได้ยินอย่างฉับพลัน (sudden sensorineural hearing loss) อาจเป็นการได้ยินลดลงเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง บางรายอาจมีอาการ หูอื้อ (tinnitus) ร่วมด้วย ซึ่งอาจเป็นเสียงหวีด เสียงดังก้อง หรือเสียงอื่นๆ ที่รบกวนการได้ยินอย่างมาก ระดับความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยินอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่เพียงเล็กน้อยจนถึงหูหนวกสนิท

นอกจากปัญหาการได้ยินแล้ว อาการที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เวียนศีรษะ (vertigo) ซึ่งเป็นอาการรู้สึกว่าตัวเองหรือสิ่งรอบข้างหมุนติ้ว เวียนศีรษะจากการอักเสบเส้นประสาทสมองคู่ที่แปดมักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง อาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทรงตัวได้ เดินลำบาก และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ความรุนแรงและระยะเวลาของอาการเวียนศีรษะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่บางรายอาจมีอาการนานหลายวันหรือหลายสัปดาห์

อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ร่วมด้วย ได้แก่:

  • ปวดศีรษะ: อาจเป็นปวดศีรษะแบบเฉพาะจุดหรือปวดทั่วศีรษะ ความรุนแรงของอาการปวดศีรษะแตกต่างกันไป
  • คลื่นไส้ อาเจียน: มักเกิดร่วมกับอาการเวียนศีรษะ เนื่องจากการทำงานของระบบสมดุลถูกรบกวน
  • ความรู้สึกไม่สบายตัว (malaise): อาจรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หรือไม่สบายตัวโดยทั่วไป

สำคัญ: หากมีอาการสูญเสียการได้ยินอย่างฉับพลัน เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หรือมีอาการอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากการรักษาที่ทันท่วงทีสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การวินิจฉัยอาจเกี่ยวข้องกับการตรวจร่างกาย การตรวจการได้ยิน และการตรวจอื่นๆ เพื่อแยกแยะโรคอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล