เก็บ UA กี่ml

3 การดู

เพื่อวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะ แนะนำให้เก็บปัสสาวะกลางกระแสปัสสาวะ โดยให้ปัสสาวะส่วนแรกและส่วนสุดท้ายออกไป แล้วเก็บปัสสาวะกลางส่วนที่เหลือประมาณ 30-60 มิลลิลิตร (1-2 ออนซ์) ในภาชนะที่สะอาด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

การเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคทางเดินปัสสาวะ: ปริมาณที่เหมาะสมและเทคนิคที่ถูกต้อง

การตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ (UA) เป็นเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยโรคและภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะ ตั้งแต่การติดเชื้อแบคทีเรีย ไปจนถึงโรคไต การได้ตัวอย่างปัสสาวะที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้ บทความนี้จะอธิบายถึงปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสมสำหรับการตรวจ UA และเทคนิคการเก็บที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการปนเปื้อนและให้ผลการตรวจที่แม่นยำ

ปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสม:

โดยทั่วไป ปริมาณปัสสาวะที่แนะนำสำหรับการตรวจ UA คือประมาณ 30-60 มิลลิลิตร หรือประมาณ 1-2 ออนซ์ ปริมาณนี้เพียงพอสำหรับการตรวจวิเคราะห์เบื้องต้นส่วนใหญ่ รวมถึงการตรวจหาการติดเชื้อ, ความผิดปกติของเมตาบอลิซึม, และการตรวจคัดกรองโรคไต อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี แพทย์อาจร้องขอปริมาณปัสสาวะที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจที่ต้องการ เช่น การตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะตลอด 24 ชั่วโมง อาจต้องเก็บปัสสาวะทั้งหมดที่ขับออกมาภายใน 24 ชั่วโมง

เทคนิคการเก็บปัสสาวะที่ถูกต้อง:

เพื่อให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำที่สุด ควรเก็บปัสสาวะกลางกระแส (midstream urine) วิธีการนี้ช่วยลดการปนเปื้อนจากแบคทีเรียและเซลล์ที่อยู่บริเวณรอบๆ ท่อปัสสาวะ ขั้นตอนการเก็บปัสสาวะกลางกระแสมีดังนี้:

  1. ล้างมือให้สะอาด: ก่อนเริ่มเก็บปัสสาวะ ควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากมือ
  2. ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ ท่อปัสสาวะด้วยผ้าสะอาดหรือสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้รับจากโรงพยาบาล หรือทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังในผู้หญิง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากแบคทีเรียในช่องคลอด
  3. ปัสสาวะส่วนแรกทิ้ง: ปล่อยให้ปัสสาวะส่วนแรกไหลลงในโถส้วม ส่วนนี้มักมีแบคทีเรียและเซลล์ที่อาจปนเปื้อนจากท่อปัสสาวะ
  4. เก็บปัสสาวะกลางกระแส: เก็บปัสสาวะส่วนกลางประมาณ 30-60 มิลลิลิตร ลงในภาชนะที่สะอาดและปลอดเชื้อที่ได้รับจากโรงพยาบาล
  5. ปัสสาวะส่วนสุดท้ายทิ้ง: ปล่อยให้ปัสสาวะส่วนที่เหลือไหลลงในโถส้วม
  6. ปิดฝาภาชนะให้สนิท: เมื่อเก็บปัสสาวะเสร็จแล้ว ให้ปิดฝาภาชนะให้สนิทและนำส่งห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด

การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าตัวอย่างปัสสาวะที่เก็บได้มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาโรคทางเดินปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ. หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการเก็บปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม.