เป็นไข้หวัดควรฉีดยาไหม

2 การดู

ไข้หวัดเป็นโรคไวรัส ไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ฉีดยา หรือรับประทานยาต้านไวรัสใดๆ การรักษาคือการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และบรรเทาอาการตามความจำเป็น เช่น ใช้ยาแก้ปวดหรือลดไข้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้หวัด: ไม่ต้องฉีด ก็หายได้! ทำความเข้าใจโรคหวัดและการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี

เมื่อรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เจ็บคอ น้ำมูกไหล สิ่งแรกที่หลายคนคิดถึงคงหนีไม่พ้น “ไข้หวัด” โรคยอดฮิตที่วนเวียนมาทักทายเราอยู่เสมอ แต่คำถามที่มักตามมาก็คือ “เป็นหวัดต้องฉีดยาไหม?” บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจธรรมชาติของไข้หวัด และไขข้อข้องใจเรื่องการฉีดยา เพื่อให้คุณดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและหายป่วยได้โดยไม่ต้องพึ่งเข็มฉีดยา

ไข้หวัด: ไวรัสตัวร้าย ไม่ใช่แบคทีเรีย

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจเป็นอันดับแรกคือ ไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งแตกต่างจากโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น การติดเชื้อในลำคอ หรือปอดบวม ที่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ในการรักษา

ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่ใช้ฆ่าหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดังนั้นจึงไม่มีผลใดๆ ในการรักษาไข้หวัดที่เกิดจากไวรัส การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น นอกจากจะไม่ช่วยให้หายจากไข้หวัดแล้ว ยังอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น ทำให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยา ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการรักษาโรคอื่นๆ ในอนาคต

แล้วไข้หวัดต้องทำอย่างไร?

เมื่อเป็นไข้หวัด ร่างกายของเราจะทำการต่อสู้กับเชื้อไวรัสด้วยตัวเอง ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดเชื้อโรค และนี่คือเหตุผลที่ทำให้อาการไข้หวัดมักจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์

ดังนั้น การรักษาไข้หวัดที่สำคัญที่สุดคือ การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานและทรัพยากรเพียงพอในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส เคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้เองมีดังนี้:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ (ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน) ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ดื่มน้ำให้มาก: การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ และช่วยลดความข้นของน้ำมูก ทำให้หายใจได้สะดวกขึ้น
  • บรรเทาอาการตามความจำเป็น: หากมีอาการปวดหัว เป็นไข้ หรือเจ็บคอ สามารถใช้ยาแก้ปวด ลดไข้ หรือยาแก้เจ็บคอที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

เมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์?

แม้ว่าไข้หวัดส่วนใหญ่มักจะหายได้เอง แต่ก็มีบางกรณีที่ควรปรึกษาแพทย์ เช่น:

  • มีไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส
  • มีอาการหายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก
  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการแย่ลง
  • มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน

แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสในบางกรณี เช่น ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อน แต่โดยทั่วไปแล้ว ยาต้านไวรัสไม่ได้ใช้ในการรักษาไข้หวัดทั่วไป

สรุป

ไข้หวัดเกิดจากไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย ดังนั้นการฉีดยาปฏิชีวนะจึงไม่ได้ช่วยรักษา แต่การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และบรรเทาอาการตามความจำเป็น เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้หวัด หากมีข้อสงสัยหรืออาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม