เป็นไข้แค่ไหนควรไปหาหมอ

ไข้ขึ้น…เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์? อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนร่างกาย

ไข้ เป็นอาการที่บ่งบอกว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ แม้ส่วนใหญ่แล้วไข้จะหายเองได้ภายในไม่กี่วัน แต่ก็มีบางกรณีที่ไข้สูง หรือมาพร้อมอาการอื่นๆ ที่บ่งบอกถึงความร้ายแรง การรู้จักสังเกตและเข้าใจว่าเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

หลายคนอาจสงสัยว่าไข้ระดับไหนถึงต้องไปหาหมอ? ความจริงแล้ว อุณหภูมิร่างกายที่ถือว่าเป็นไข้สูงนั้นแตกต่างกันไปตามกลุ่มอายุและสภาวะร่างกาย แต่โดยทั่วไป หากอุณหภูมิสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส (วัดจากรักแร้) หรือ 39 องศาเซลเซียส (วัดจากช่องปากหรือทวารหนัก) และยังคงสูงอยู่เป็นเวลานาน ควรเริ่มสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้! รีบพบแพทย์ทันทีหาก:

• ไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส (วัดจากรักแร้) ร่วมกับอาการไอแห้งอย่างรุนแรงต่อเนื่องเกิน 3 วัน: อาการนี้อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อทางเดินหายใจล่างที่รุนแรง เช่น ปอดบวม จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์โดยเร็วที่สุด การชะล่าใจอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้

• ไข้สูงร่วมกับหายใจหอบเหนื่อย: อาการหอบเหนื่อยอาจบ่งบอกถึงภาวะปอดอักเสบ หรือโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ที่รุนแรง จำเป็นต้องได้รับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที

• ไข้สูงร่วมกับปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง: อาการนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคไข้หวัดใหญ่ โรคไวรัสต่างๆ หรือแม้กระทั่งโรคที่ร้ายแรงกว่า การไปพบแพทย์จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง รวมถึงการรับยาต้านไวรัสหากจำเป็น

• ไข้สูงร่วมกับอาการสับสน งุนงง หรือหมดสติ: อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตราย อาจบ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือภาวะอื่นๆ ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

• ไข้สูงในเด็กเล็ก (อายุต่ำกว่า 3 เดือน): เด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง ไข้สูงแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นอันตรายได้ ควรพาเด็กไปพบแพทย์ทันทีหากมีไข้

• ไข้สูงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแก้ไข้ทั่วไป: หากให้ยาแก้ไข้แล้วไข้ยังไม่ลดลง หรือกลับมาสูงขึ้นอีก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง

การไปพบแพทย์เมื่อมีไข้สูง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ใช่เรื่องเสียเวลา แต่เป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ การวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณหายป่วยได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน อย่ารอจนอาการแย่ลงกว่าเดิม รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ได้ กรุณาปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำหรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล