เพราะเหตุใดเมื่อลุกขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งนานๆจึงมีอาการหน้ามืดเกิดขึ้น

2 การดู

อาการหน้ามืดเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถเร็วเกินไป เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะขาดน้ำ การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ควรลุกขึ้นช้าๆ และจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันอาการนี้ หากมีอาการบ่อย ควรปรึกษาแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ทำไมเมื่อลุกพรวดพราดจึงวูบ? ไขความลับอาการหน้ามืดที่ใครหลายคนเจอ

เคยไหม? นั่งทำงานนานๆ ดูทีวีเพลินๆ หรือแม้แต่นั่งเล่นเกมอย่างเมามัน พอเงยหน้าขึ้นแล้วลุกพรวดพราด กลับรู้สึกหน้ามืด ตาลาย เหมือนบ้านหมุน หรือร้ายกว่านั้นคือเซถลาเกือบเสียหลัก อาการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องเคยเจอ และมักเรียกว่า “อาการหน้ามืดเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ” หรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า “Orthostatic Hypotension” ซึ่งจริงๆ แล้วมันเกิดจากอะไรกันแน่?

หลายคนอาจคิดว่าอาการหน้ามืดเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วมันมีกลไกซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายเรา การนั่งหรือนอนเป็นเวลานาน เลือดจะไหลเวียนไปรวมตัวกันบริเวณช่วงล่างของร่างกาย ทำให้ปริมาณเลือดที่ไหลเวียนกลับไปยังหัวใจและสมองลดลง เมื่อเราลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แรงโน้มถ่วงจะยิ่งดึงเลือดลงสู่ช่วงล่างมากขึ้นไปอีก ทำให้สมองได้รับเลือดไม่ทัน

ระบบปรับตัวที่รวดเร็วแต่ไม่สมบูรณ์: ร่างกายเรามีระบบปรับตัวเพื่อรักษาระดับความดันโลหิตให้คงที่ เมื่อความดันโลหิตลดลง ร่างกายจะสั่งการให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และหลอดเลือดหดตัว เพื่อเพิ่มปริมาณเลือดที่ส่งไปยังสมอง อย่างไรก็ตาม ระบบนี้อาจตอบสนองไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทำให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ หรือแม้กระทั่งเป็นลม

ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออาการหน้ามืด: นอกจากเรื่องของแรงโน้มถ่วงและการปรับตัวของร่างกายแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดอาการหน้ามืดเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถได้ง่ายขึ้น เช่น

  • ภาวะขาดน้ำ: การดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ปริมาณเลือดในร่างกายลดลง ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ไม่เต็มที่
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ: การอดนอนหรือนอนหลับไม่สนิทส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันโลหิต
  • ยาบางชนิด: ยาบางประเภท เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ หรือยาแก้ซึมเศร้า อาจส่งผลต่อความดันโลหิตและทำให้เกิดอาการหน้ามืดได้ง่ายขึ้น
  • โรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคระบบประสาท อาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและทำให้เกิดอาการหน้ามืดได้บ่อยขึ้น
  • อายุ: ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการหน้ามืดได้ง่ายกว่า เนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร

ป้องกันและรับมือกับอาการหน้ามืด:

  • ลุกขึ้นอย่างช้าๆ: ค่อยๆ ขยับตัวและลุกขึ้นช้าๆ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาปรับตัว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาระดับปริมาณเลือดในร่างกาย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตแข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ: หากจำเป็นต้องยืนเป็นเวลานาน ควรขยับเขยื้อนร่างกายบ้างเพื่อป้องกันเลือดไปรวมตัวที่ขา
  • ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการหน้ามืดบ่อยครั้ง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือหมดสติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

อาการหน้ามืดเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายอาจกำลังขาดสมดุล การใส่ใจดูแลสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และปรึกษาแพทย์เมื่อจำเป็น จะช่วยให้เราป้องกันและรับมือกับอาการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เราสามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นใจและเต็มพลังในทุกๆ วัน