เมื่อน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นมากเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น

5 การดู

น้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังทำลายหลอดเลือดขนาดเล็กทั่วร่างกาย ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดลดลง อวัยวะต่างๆ ได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น แผลหายช้า ติดเชื้อง่าย และความผิดปกติของระบบประสาท ควรรีบปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง: ผลกระทบร้ายแรงที่มองข้ามไม่ได้

ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติ เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ร่างกายส่งมาบอกถึงความไม่สมดุลที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ ไม่ว่าจะเป็นในระยะสั้นหรือระยะยาว การเข้าใจผลกระทบของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายจะพยายามดึงน้ำจากเซลล์ต่างๆ มาช่วยเจือจางน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้เกิดอาการกระหายน้ำอย่างรุนแรง ปัสสาวะบ่อยขึ้น และรู้สึกเหนื่อยล้า หากปล่อยปละละเลย ภาวะนี้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพียงแค่ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบระยะยาวที่น่ากลัวอีกมากมาย

ผลกระทบระยะยาวของน้ำตาลในเลือดสูง:

  • การทำลายหลอดเลือดขนาดเล็ก (Microvascular Damage): นี่คือหัวใจสำคัญของปัญหา น้ำตาลในเลือดสูงจะไปทำลายผนังหลอดเลือดฝอยขนาดเล็กทั่วร่างกาย ทำให้เกิดการอักเสบ การแข็งตัวของหลอดเลือด และการไหลเวียนเลือดลดลง ผลที่ตามมาคืออวัยวะต่างๆ ได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ไต ตา และประสาท

  • โรคไตวายเรื้อรัง: การทำงานของไตจะเสื่อมลงอย่างต่อเนื่องเนื่องจากการทำลายหลอดเลือดฝอยในไต ส่งผลให้ไตไม่สามารถกรองของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจนำไปสู่การล้างไตในที่สุด

  • โรคตา (Retinopathy): หลอดเลือดในจอตาถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดการมองเห็นลดลง อาจถึงขั้นตาบอดได้

  • โรคประสาท (Neuropathy): ความเสียหายของเส้นประสาททำให้เกิดอาการชา ปวดแสบปวดร้อน หรือรู้สึกเสียวซ่าที่ปลายมือปลายเท้า อาจลุกลามไปจนถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่าย

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด: น้ำตาลในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เนื่องจากการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบตัน

  • แผลหายช้าและติดเชื้อง่าย: การไหลเวียนเลือดที่ลดลงทำให้ร่างกายฟื้นฟูบาดแผลได้ช้าลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นต้องตัดแขนขา

อย่ามองข้ามสัญญาณเตือน:

หากคุณมีอาการ เช่น กระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย มองเห็นภาพไม่ชัด ชาหรือปวดแสบปวดร้อนที่ปลายมือปลายเท้า หรือมีแผลหายช้า ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที อย่าปล่อยให้ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงทำลายสุขภาพของคุณอย่างเงียบๆ การตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำและการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และมีชีวิตที่แข็งแรง มีคุณภาพต่อไป

บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ