เสียงดัง มีผลต่อลูกในท้อง ไหม

เสียงดังรอบตัว…ส่งผลถึงลูกน้อยในครรภ์หรือไม่? คำตอบที่คุณแม่ต้องรู้

เสียงดนตรีไพเราะ เสียงเจี๊ยวจ๊าวของตลาด หรือแม้กระทั่งเสียงเครื่องจักรกลที่ดังสนั่น ล้วนเป็นเสียงที่เราได้ยินอยู่ทุกวัน แต่คุณแม่รู้หรือไม่ว่า เสียงเหล่านี้ โดยเฉพาะเสียงดัง อาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างที่คาดไม่ถึง

ความเชื่อที่ว่าทารกในครรภ์ได้ยินเสียงนั้นเป็นความจริง โดยเฉพาะเสียงที่ดังและมีความถี่ต่ำ ลูกน้อยจะเริ่มรับรู้เสียงได้ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ และยิ่งใกล้คลอดก็จะยิ่งรับรู้เสียงได้ชัดเจนขึ้น การที่ลูกน้อยได้ยินเสียงแม่ เสียงพ่อ หรือแม้แต่เสียงจากภายนอก เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสมองและระบบประสาทสัมผัส แต่หากเสียงเหล่านั้นดังเกินไป อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อการได้ยินของลูกน้อยได้

งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับเสียงดังในระหว่างตั้งครรภ์กับความเสี่ยงต่อภาวะสูญเสียการได้ยินในทารก โดยเฉพาะเสียงที่มีระดับความดังเกิน 85 เดซิเบล (dB) ซึ่งเทียบเท่ากับเสียงเครื่องดูดฝุ่นหรือเสียงรถยนต์ที่วิ่งผ่าน หากคุณแม่ต้องสัมผัสกับเสียงดังระดับนี้เป็นระยะเวลานาน และมีเวลาพักผ่อนหู (เวลาที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง) น้อยกว่า 20 วันต่อเดือน ความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินจะสูงขึ้นถึง 1.27 เท่า เมื่อเทียบกับคุณแม่ที่ได้รับเสียงที่มีระดับความดังต่ำกว่า 85 เดซิเบล

อย่างไรก็ตาม ระดับความเสี่ยงนั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย เช่น ระยะเวลาที่ได้รับเสียงดัง ความถี่ของเสียง และพันธุกรรมของทารก จึงไม่ใช่ว่าทุกคุณแม่ที่ได้รับเสียงดังจะส่งผลให้ลูกน้อยสูญเสียการได้ยิน แต่การป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก้ไข

ดังนั้น คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงเสียงดังในระหว่างตั้งครรภ์ โดยอาจปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:

• ลดการสัมผัสกับแหล่งกำเนิดเสียงดัง: เช่น การไปสถานที่ที่มีเสียงดังมากๆ เช่น คอนเสิร์ต งานอีเว้นท์ หรือการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
• ใช้ที่อุดหูหรืออุปกรณ์ป้องกันเสียง: หากจำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
• พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ: เพื่อให้หูได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
• ปรึกษาแพทย์: หากมีความกังวลเกี่ยวกับการได้รับเสียงดังในระหว่างตั้งครรภ์

การดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์นั้นสำคัญอย่างยิ่ง การใส่ใจแม้แต่เรื่องเล็กน้อย เช่น การหลีกเลี่ยงเสียงดัง ก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพของลูกน้อยในอนาคต เพราะเสียงที่ไพเราะและสงบ คือเสียงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพัฒนาของลูกน้อยในครรภ์

(หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำหรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล)