เสียงปอด wheezing เกิดจากอะไร

1 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

เสียงหวีดในปอดบ่งชี้ถึงการตีบแคบของทางเดินหายใจ อาจเกิดจากหอบหืด, การติดเชื้อ, หรือสิ่งแปลกปลอมอุดกั้น ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของอากาศขณะหายใจเข้าออก การวินิจฉัยที่ถูกต้องโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาอาการ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เสียงหวีดในปอด: สัญญาณเตือนภัยจากทางเดินหายใจที่แคบลง

เสียงหวีดในปอด (Wheezing) คือเสียงแหลมสูงคล้ายเสียงนกหวีดที่มักได้ยินขณะหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหายใจออก (Expiratory wheezing) แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในขณะหายใจเข้า (Inspiratory wheezing) ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของการตีบแคบของทางเดินหายใจ เสียงนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะมันบ่งบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในระบบทางเดินหายใจของเรา ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

ทำไมทางเดินหายใจถึงตีบแคบจนเกิดเสียงหวีด?

ทางเดินหายใจที่แคบลง ทำให้กระแสลมที่ไหลผ่านนั้นเกิดความเร็วและปั่นป่วน (Turbulent airflow) เมื่อลมหายใจต้องผ่านบริเวณที่ตีบแคบ จะเกิดการสั่นสะเทือนของผนังทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นที่มาของเสียงหวีดที่เราได้ยิน สาเหตุที่ทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบนั้นมีอยู่มากมายหลายประการ และแต่ละสาเหตุก็ต้องการการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเสียงหวีดในปอด:

  • โรคหอบหืด (Asthma): หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยหอบหืดทำให้ทางเดินหายใจอักเสบ บวม และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น สารก่อภูมิแพ้ อากาศเย็น หรือการออกกำลังกาย ซึ่งจะนำไปสู่การหดตัวของกล้ามเนื้อรอบทางเดินหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและเกิดเสียงหวีด

  • การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ: การติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) หรือ ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก สามารถทำให้เกิดการอักเสบและบวมของทางเดินหายใจ ทำให้เกิดเสียงหวีด

  • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): โรคนี้มักพบในผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน ทำให้เกิดความเสียหายต่อปอดและทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบ ถุงลมโป่งพอง และการผลิตเสมหะที่มากเกินไป ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่การตีบแคบของทางเดินหายใจและเสียงหวีด

  • สิ่งแปลกปลอมอุดกั้นทางเดินหายใจ: การสำลักอาหารหรือวัตถุแปลกปลอมเข้าไปในทางเดินหายใจ สามารถทำให้เกิดการอุดกั้นบางส่วนหรือทั้งหมด ทำให้เกิดเสียงหวีด ไอ และหายใจลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก

  • โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchiolitis): การอักเสบของหลอดลมเล็กๆ ในปอด มักเกิดจากเชื้อไวรัส RSV พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็ก ทำให้เกิดอาการไอ หายใจเร็ว และเสียงหวีด

  • ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure): ในบางกรณี ภาวะหัวใจล้มเหลวสามารถทำให้เกิดน้ำท่วมปอด (Pulmonary edema) ซึ่งอาจนำไปสู่การตีบแคบของทางเดินหายใจและเสียงหวีดที่เรียกว่า “Cardiac wheezing”

  • อื่นๆ: นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่พบได้น้อยกว่า เช่น โรคภูมิแพ้ โรคกรดไหลย้อน เนื้องอกในปอด หรือการได้รับสารเคมีที่ระคายเคือง

ความสำคัญของการวินิจฉัยที่ถูกต้อง:

เสียงหวีดในปอดเป็นเพียงอาการแสดงที่บ่งบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น การวินิจฉัยที่ถูกต้องโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงของเสียงหวีด การวินิจฉัยมักประกอบด้วยการซักประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกาย การฟังเสียงปอดด้วยหูฟัง (Auscultation) และอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์ปอด การทดสอบสมรรถภาพปอด (Pulmonary function test) หรือการตรวจเลือด

การรักษาเสียงหวีดในปอด:

การรักษาเสียงหวีดในปอดจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ ตัวอย่างเช่น:

  • โรคหอบหืด: การใช้ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) และยาต้านการอักเสบ (Inhaled corticosteroids) เพื่อเปิดทางเดินหายใจและลดการอักเสบ
  • การติดเชื้อ: การรักษาตามอาการ เช่น การพักผ่อน การดื่มน้ำให้เพียงพอ และอาจใช้ยาแก้ไอหรือยาลดไข้
  • สิ่งแปลกปลอมอุดกั้น: การกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากทางเดินหายใจโดยเร็วที่สุด
  • COPD: การใช้ยาขยายหลอดลม การบำบัดด้วยออกซิเจน และการฟื้นฟูสมรรถภาพปอด

สรุป:

เสียงหวีดในปอดเป็นสัญญาณเตือนภัยที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักมีอาการเสียงหวีดในปอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น