เส้นเลือดฝอยแตกกี่วันหาย

เส้นเลือดฝอยแตกในตา: ทำความเข้าใจ สาเหตุ การดูแล และเมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์

เส้นเลือดฝอยแตกในตา หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “Subconjunctival Hemorrhage” คือภาวะที่เลือดออกใต้เยื่อบุตา (Conjunctiva) ทำให้เห็นเป็นรอยแดงสดบนตาขาว สร้างความตกใจให้กับหลายๆ คน แต่โดยส่วนใหญ่มักไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงและสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาที่กำหนด

ทำไมเส้นเลือดฝอยในตาถึงแตก?

ถึงแม้ว่าการเห็นเลือดออกในตาจะน่ากังวล แต่สาเหตุส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรงและเกี่ยวข้องกับปัจจัยดังนี้:

• การเบ่ง: การเบ่งอย่างรุนแรง เช่น ขณะไอ จาม ยกของหนัก หรือท้องผูก สามารถเพิ่มแรงดันในเส้นเลือดฝอยบริเวณตา ทำให้เส้นเลือดฝอยเปราะแตกได้
• การขยี้ตา: การขยี้ตาแรงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา อาจทำให้เส้นเลือดฝอยฉีกขาดได้
• การบาดเจ็บ: การกระทบกระแทกบริเวณศีรษะหรือดวงตา แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เส้นเลือดฝอยแตกได้
• ความดันโลหิตสูง: ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดฝอยแตกในตาได้ง่ายขึ้น
• การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ได้
• การติดเชื้อ: การติดเชื้อไวรัสบางชนิดอาจทำให้เส้นเลือดฝอยเปราะแตกได้ง่ายขึ้น
• สาเหตุอื่นๆ: ในบางกรณี อาจไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของการแตกของเส้นเลือดฝอยในตาได้

ระยะเวลาในการหายและวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น

โดยทั่วไป เส้นเลือดฝอยแตกในตาจะค่อยๆ จางลงและหายไปเองภายใน 7-14 วัน โดยไม่ต้องรับการรักษาใดๆ อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้หายเร็วขึ้นและลดความรู้สึกไม่สบายตาได้:

• ประคบเย็น: ในช่วง 1-2 วันแรกหลังเกิดอาการ ให้ประคบเย็นบริเวณดวงตาด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำเย็น หรือเจลประคบเย็น ประมาณ 10-15 นาที หลายๆ ครั้งต่อวัน เพื่อช่วยลดอาการบวมและห้ามเลือด
• หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: การขยี้ตาจะยิ่งทำให้เส้นเลือดฝอยฉีกขาดมากขึ้นและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
• ใช้น้ำตาเทียม: หากรู้สึกตาแห้ง หรือระคายเคือง สามารถใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตาได้
• พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาจักษุแพทย์

แม้ว่าเส้นเลือดฝอยแตกในตาโดยส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม:

• อาการปวดรุนแรง: หากมีอาการปวดตาอย่างรุนแรงที่ไม่ทุเลาลง
• ตามัว หรือมองเห็นภาพซ้อน: หากการมองเห็นเปลี่ยนแปลงไป เช่น มองเห็นไม่ชัด หรือเห็นภาพซ้อน
• มีประวัติการบาดเจ็บที่ดวงตา: หากเส้นเลือดฝอยแตกเกิดขึ้นหลังจากได้รับการกระทบกระแทกบริเวณดวงตา
• เกิดขึ้นซ้ำๆ: หากเกิดอาการเส้นเลือดฝอยแตกในตาบ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
• มีโรคประจำตัว: หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด

สรุป

เส้นเลือดฝอยแตกในตาอาจทำให้ตกใจได้ แต่โดยส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรงและสามารถหายได้เองภายใน 7-14 วัน การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง