แผลเบาหวานติดเชื้ออะไร

8 การดู

แผลที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวานอาจติดเชื้อ Staphylococcus aureus หรือ Pseudomonas aeruginosa ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อย ทำให้แผลมีอาการบวม แดง ร้อน และเจ็บปวดมากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจลุกลามเป็นเนื้อตายและเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ การดูแลความสะอาดแผลอย่างถูกวิธีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการติดเชื้อ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แผลเบาหวาน: ภัยร้ายที่มองไม่เห็นและเชื้อโรคร้ายที่แฝงตัวอยู่

ผู้ป่วยเบาหวานมักเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “แผลเบาหวาน” ซึ่งเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นง่ายและหายยาก โดยเฉพาะบริเวณเท้า สาเหตุสำคัญมาจากการไหลเวียนโลหิตที่บกพร่อง ระบบประสาทถูกทำลาย และระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นสภาวะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ

แผลเบาหวานที่ดูเหมือนเล็กน้อย อาจกลายเป็นภัยร้ายที่คุกคามชีวิตได้ หากเกิดการติดเชื้อ เชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยในแผลเบาหวานติดเชื้อ ได้แก่ Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังตามปกติ แต่สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังได้หากมีบาดแผล และ Pseudomonas aeruginosa แบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในที่ชื้น เช่น อ่างล้างหน้า ห้องน้ำ และสระว่ายน้ำ แบคทีเรียชนิดนี้สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน

อาการของแผลเบาหวานติดเชื้อที่สังเกตได้ คือ บริเวณแผลมีอาการบวม แดง ร้อน มีอาการปวดมากขึ้น อาจมีหนองหรือของเหลวไหลออกมา บางครั้งอาจมีกลิ่นเผล็น และหากการติดเชื้อรุนแรง อาจมีไข้ หนาวสั่น และรู้สึกอ่อนเพลีย

สิ่งที่น่ากังวลคือ การติดเชื้ออาจลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง เส้นเอ็น กระดูก และหลอดเลือด นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เนื้อตาย ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และในบางกรณีอาจจำเป็นต้องตัดนิ้วเท้าหรือเท้าเพื่อรักษาชีวิต

ดังนั้น การดูแลและป้องกันการติดเชื้อของแผลเบาหวานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ตรวจสอบเท้าทุกวัน รักษาความสะอาดเท้าอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า สวมรองเท้าที่เหมาะสม และหากพบว่ามีบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง อย่าปล่อยให้แผลเล็กๆ กลายเป็นภัยร้ายที่คุกคามชีวิต