แว่นกรองแสง ของปลอมดูยังไง
ข้อมูลแนะนำ:
ทดสอบแว่นกรองแสงง่ายๆ ด้วยไฟฉายขาว! ของแท้จะสะท้อนเงาสีฟ้าม่วงจางๆ แต่ถ้าไม่สะท้อนและแสงเลเซอร์ทะลุผ่านเลนส์ได้ง่ายๆ แสดงว่าเป็นของปลอม เลนส์กรองแสงจริงต้องต้านทานแสงเลเซอร์ได้ดีกว่า
แว่นกรองแสง “ของปลอม” ดูยังไง? ไขความลับ เลนส์ใส ป้องกันจริง หรือแค่หลอกตา
ในยุคดิจิทัลที่แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน “แว่นกรองแสง” จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย หลายคนเชื่อว่าแว่นเหล่านี้จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ปวดหัว หรือแม้แต่ป้องกันปัญหาทางสายตาในระยะยาว แต่ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้น ก็มี “แว่นกรองแสงของปลอม” ที่ไม่ได้มาตรฐานแฝงตัวเข้ามาในตลาด ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงที่จะเสียเงินไปกับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ แถมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาวอีกด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงวิธีการสังเกต “แว่นกรองแสงของปลอม” อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อแว่นกรองแสงที่ได้มาตรฐาน คุ้มค่า และปกป้องดวงตาของคุณได้อย่างแท้จริง
ทำไมต้องระวัง “แว่นกรองแสงของปลอม”?
ก่อนที่เราจะไปดูวิธีสังเกตแว่นปลอม เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมการใช้แว่นกรองแสงที่ไม่ได้มาตรฐานถึงเป็นอันตราย:
- ไม่ได้กรองแสงสีฟ้าจริง: แว่นปลอมส่วนใหญ่มักเป็นเพียงเลนส์ใสธรรมดาที่ไม่ได้เคลือบสารกรองแสงสีฟ้า ทำให้ไม่สามารถลดปริมาณแสงสีฟ้าที่เข้าสู่ดวงตาได้จริง
- คุณภาพเลนส์ต่ำ: เลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้ภาพบิดเบือน มองเห็นไม่ชัดเจน หรือเกิดอาการปวดหัวจากการใช้สายตาเพ่งมากเกินไป
- อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา: สารเคลือบเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้เกิดอาการระคายเคือง หรืออาจส่งผลเสียในระยะยาว
วิธีสังเกต “แว่นกรองแสงของปลอม” ฉบับละเอียด
นอกเหนือจากการทดสอบง่ายๆ ด้วยไฟฉายขาวตามข้อมูลแนะนำแล้ว เรายังมีวิธีสังเกตแว่นกรองแสงของปลอมที่ละเอียดกว่าเดิม:
-
สังเกตการสะท้อนของแสง:
- วิธีที่ 1 (ตามข้อมูลแนะนำ): ส่องไฟฉายสีขาว (หรือแสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ) ไปที่เลนส์แว่น หากเป็นแว่นกรองแสงของแท้ จะเห็นการสะท้อนแสงเป็นสีฟ้าม่วงจางๆ บริเวณผิวเลนส์ แต่ถ้าไม่เห็นการสะท้อน หรือเห็นเป็นสีอื่น อาจเป็นแว่นปลอม
- วิธีที่ 2: สังเกตแสงไฟนีออน หรือแสงจากหลอดไฟอื่นๆ ผ่านเลนส์แว่น หากเป็นแว่นกรองแสงของแท้ จะเห็นว่าแสงไฟมีสีเหลืองนวลลดลงเล็กน้อย เนื่องจากแสงสีฟ้าถูกกรองออกไป
-
ตรวจสอบคุณสมบัติของเลนส์:
- ลองมองผ่านเลนส์: มองวัตถุต่างๆ ผ่านเลนส์แว่น หากเห็นภาพบิดเบือน ไม่คมชัด หรือมีสีผิดเพี้ยนไปจากเดิม อาจเป็นสัญญาณของเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ทดสอบด้วยแสงเลเซอร์ (ต้องระมัดระวัง): ฉายแสงเลเซอร์สีแดง (เลเซอร์ชี้กระดาษ) ผ่านเลนส์แว่น ถ้าเป็นแว่นกรองแสงของแท้ แสงเลเซอร์จะถูกลดทอนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าแสงเลเซอร์ทะลุผ่านเลนส์ได้ง่ายๆ แสดงว่าเป็นแว่นปลอม ข้อควรระวัง: ห้ามฉายแสงเลเซอร์เข้าดวงตาโดยตรง เพราะอาจทำให้ตาบอดได้
-
พิจารณาจากราคาและแหล่งที่มา:
- ราคาถูกเกินไป: แว่นกรองแสงที่มีราคาถูกผิดปกติ มักจะเป็นแว่นปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน
- แหล่งที่มาไม่น่าเชื่อถือ: หลีกเลี่ยงการซื้อแว่นกรองแสงจากร้านค้าออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือร้านค้าที่ไม่มีใบอนุญาตขายแว่นตา
-
ตรวจสอบรายละเอียดสินค้า:
- ป้ายราคาและรายละเอียดสินค้า: ตรวจสอบป้ายราคาและรายละเอียดสินค้าอย่างละเอียด มองหาข้อมูลจำเพาะ เช่น ค่าการกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Blocking Percentage) หากไม่มีข้อมูลเหล่านี้ หรือข้อมูลไม่ชัดเจน อาจเป็นแว่นปลอม
- ใบรับประกัน: แว่นกรองแสงของแท้ส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับใบรับประกันสินค้า
-
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:
- จักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา: หากไม่แน่ใจว่าแว่นกรองแสงที่ซื้อมาเป็นของแท้หรือไม่ ควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา เพื่อตรวจสอบคุณภาพของเลนส์และความเหมาะสมต่อการใช้งาน
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- เลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ: เลือกซื้อแว่นกรองแสงจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้ามีคุณภาพและได้มาตรฐาน
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงบนเว็บไซต์หรือช่องทางต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สรุป:
การเลือกซื้อแว่นกรองแสงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการสังเกตและตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อ “แว่นกรองแสงของปลอม” ที่ไม่ได้มาตรฐาน การเลือกแว่นกรองแสงที่ได้คุณภาพ จะช่วยปกป้องดวงตาของคุณจากอันตรายของแสงสีฟ้า และช่วยให้คุณใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น อย่าลืมว่า “ดวงตาของคุณมีค่า อย่ามองข้ามการดูแลรักษา”
#ของปลอม#วิธีดู#แว่นกรองแสงข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต