แว่นกรองแสง ของปลอมดูยังไง

1 การดู

ข้อมูลแนะนำ:

ทดสอบแว่นกรองแสงง่ายๆ ด้วยไฟฉายขาว! ของแท้จะสะท้อนเงาสีฟ้าม่วงจางๆ แต่ถ้าไม่สะท้อนและแสงเลเซอร์ทะลุผ่านเลนส์ได้ง่ายๆ แสดงว่าเป็นของปลอม เลนส์กรองแสงจริงต้องต้านทานแสงเลเซอร์ได้ดีกว่า

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แว่นกรองแสง “ของปลอม” ดูยังไง? ไขความลับ เลนส์ใส ป้องกันจริง หรือแค่หลอกตา

ในยุคดิจิทัลที่แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน “แว่นกรองแสง” จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย หลายคนเชื่อว่าแว่นเหล่านี้จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ปวดหัว หรือแม้แต่ป้องกันปัญหาทางสายตาในระยะยาว แต่ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้น ก็มี “แว่นกรองแสงของปลอม” ที่ไม่ได้มาตรฐานแฝงตัวเข้ามาในตลาด ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงที่จะเสียเงินไปกับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ แถมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาวอีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงวิธีการสังเกต “แว่นกรองแสงของปลอม” อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อแว่นกรองแสงที่ได้มาตรฐาน คุ้มค่า และปกป้องดวงตาของคุณได้อย่างแท้จริง

ทำไมต้องระวัง “แว่นกรองแสงของปลอม”?

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีสังเกตแว่นปลอม เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมการใช้แว่นกรองแสงที่ไม่ได้มาตรฐานถึงเป็นอันตราย:

  • ไม่ได้กรองแสงสีฟ้าจริง: แว่นปลอมส่วนใหญ่มักเป็นเพียงเลนส์ใสธรรมดาที่ไม่ได้เคลือบสารกรองแสงสีฟ้า ทำให้ไม่สามารถลดปริมาณแสงสีฟ้าที่เข้าสู่ดวงตาได้จริง
  • คุณภาพเลนส์ต่ำ: เลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้ภาพบิดเบือน มองเห็นไม่ชัดเจน หรือเกิดอาการปวดหัวจากการใช้สายตาเพ่งมากเกินไป
  • อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา: สารเคลือบเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้เกิดอาการระคายเคือง หรืออาจส่งผลเสียในระยะยาว

วิธีสังเกต “แว่นกรองแสงของปลอม” ฉบับละเอียด

นอกเหนือจากการทดสอบง่ายๆ ด้วยไฟฉายขาวตามข้อมูลแนะนำแล้ว เรายังมีวิธีสังเกตแว่นกรองแสงของปลอมที่ละเอียดกว่าเดิม:

  1. สังเกตการสะท้อนของแสง:

    • วิธีที่ 1 (ตามข้อมูลแนะนำ): ส่องไฟฉายสีขาว (หรือแสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ) ไปที่เลนส์แว่น หากเป็นแว่นกรองแสงของแท้ จะเห็นการสะท้อนแสงเป็นสีฟ้าม่วงจางๆ บริเวณผิวเลนส์ แต่ถ้าไม่เห็นการสะท้อน หรือเห็นเป็นสีอื่น อาจเป็นแว่นปลอม
    • วิธีที่ 2: สังเกตแสงไฟนีออน หรือแสงจากหลอดไฟอื่นๆ ผ่านเลนส์แว่น หากเป็นแว่นกรองแสงของแท้ จะเห็นว่าแสงไฟมีสีเหลืองนวลลดลงเล็กน้อย เนื่องจากแสงสีฟ้าถูกกรองออกไป
  2. ตรวจสอบคุณสมบัติของเลนส์:

    • ลองมองผ่านเลนส์: มองวัตถุต่างๆ ผ่านเลนส์แว่น หากเห็นภาพบิดเบือน ไม่คมชัด หรือมีสีผิดเพี้ยนไปจากเดิม อาจเป็นสัญญาณของเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
    • ทดสอบด้วยแสงเลเซอร์ (ต้องระมัดระวัง): ฉายแสงเลเซอร์สีแดง (เลเซอร์ชี้กระดาษ) ผ่านเลนส์แว่น ถ้าเป็นแว่นกรองแสงของแท้ แสงเลเซอร์จะถูกลดทอนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าแสงเลเซอร์ทะลุผ่านเลนส์ได้ง่ายๆ แสดงว่าเป็นแว่นปลอม ข้อควรระวัง: ห้ามฉายแสงเลเซอร์เข้าดวงตาโดยตรง เพราะอาจทำให้ตาบอดได้
  3. พิจารณาจากราคาและแหล่งที่มา:

    • ราคาถูกเกินไป: แว่นกรองแสงที่มีราคาถูกผิดปกติ มักจะเป็นแว่นปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน
    • แหล่งที่มาไม่น่าเชื่อถือ: หลีกเลี่ยงการซื้อแว่นกรองแสงจากร้านค้าออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือร้านค้าที่ไม่มีใบอนุญาตขายแว่นตา
  4. ตรวจสอบรายละเอียดสินค้า:

    • ป้ายราคาและรายละเอียดสินค้า: ตรวจสอบป้ายราคาและรายละเอียดสินค้าอย่างละเอียด มองหาข้อมูลจำเพาะ เช่น ค่าการกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Blocking Percentage) หากไม่มีข้อมูลเหล่านี้ หรือข้อมูลไม่ชัดเจน อาจเป็นแว่นปลอม
    • ใบรับประกัน: แว่นกรองแสงของแท้ส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับใบรับประกันสินค้า
  5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:

    • จักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา: หากไม่แน่ใจว่าแว่นกรองแสงที่ซื้อมาเป็นของแท้หรือไม่ ควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา เพื่อตรวจสอบคุณภาพของเลนส์และความเหมาะสมต่อการใช้งาน

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • เลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ: เลือกซื้อแว่นกรองแสงจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้ามีคุณภาพและได้มาตรฐาน
  • อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงบนเว็บไซต์หรือช่องทางต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

สรุป:

การเลือกซื้อแว่นกรองแสงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการสังเกตและตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อ “แว่นกรองแสงของปลอม” ที่ไม่ได้มาตรฐาน การเลือกแว่นกรองแสงที่ได้คุณภาพ จะช่วยปกป้องดวงตาของคุณจากอันตรายของแสงสีฟ้า และช่วยให้คุณใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัลได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น อย่าลืมว่า “ดวงตาของคุณมีค่า อย่ามองข้ามการดูแลรักษา”