โรคตุ่มน้ำพอง มีกี่ชนิด

4 การดู

โรคภูมิแพ้ผิวหนังตุ่มน้ำพอง (Pemphigoid) มี 2 ชนิด ย่อยคือ เพมฟิกัส (Pemphigus) และ บูลลัส เพมฟิกอยด์ (Bullous Pemphigoid) เพมฟิกัส เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายโจมตีเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มน้ำใสๆ บริเวณผิวหนัง ส่วนบูลลัส เพมฟิกอยด์ เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายโจมตีโปรตีนที่ยึดติดกับเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มน้ำใสๆ บริเวณผิวหนังเช่นกัน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคตุ่มน้ำพอง: การจำแนกชนิดและความเข้าใจเบื้องต้น

โรคตุ่มน้ำพองเป็นกลุ่มอาการที่พบได้ในหลายชนิด แต่มีลักษณะร่วมกันคือการเกิดตุ่มน้ำพองบนผิวหนัง ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับชนิดของโรคนี้เป็นสิ่งสำคัญต่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

แม้ว่าคำว่า “โรคตุ่มน้ำพอง” อาจดูเหมือนครอบคลุมทั้งหมด แต่ในทางการแพทย์นั้นโรคตุ่มน้ำพองมีหลายชนิดที่แตกต่างกันโดยพื้นฐานทางชีวเคมีและการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ความแตกต่างนี้สำคัญยิ่ง เพราะการรักษาที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงชนิดของโรคตุ่มน้ำพองนั้นๆ

ชนิดที่พบบ่อยและสำคัญ ได้แก่:

  • เพมฟิกัส (Pemphigus): โรคนี้เป็นโรคออโตอิมมูนที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีโปรตีนที่เชื่อมโยงเซลล์ผิวหนังชั้นบน (desmoglein) ส่งผลให้เกิดการแยกตัวของเซลล์ผิวหนังชั้นบน และทำให้เกิดตุ่มน้ำพองที่แตกและมีลักษณะเป็นแผลได้ง่าย ตุ่มน้ำพองมักพบได้ในบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดบ่อยๆ เช่น ใบหน้า คอ และลำตัว บางชนิดของเพมฟิกัสอาจพบในช่องปาก หรืออวัยวะภายใน ส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆได้

  • บูลลัส เพมฟิกอยด์ (Bullous Pemphigoid): แตกต่างจากเพมฟิกัส โรคนี้ระบบภูมิคุ้มกันจะโจมตีโปรตีนที่เชื่อมต่อระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นกลางและชั้นล่าง (hemidesmosomes) ทำให้เกิดตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่บนผิวหนัง อาการส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณผิวหนังที่บาง เช่น ข้อพับ ตุ่มน้ำพองของบูลลัส เพมฟิกอยด์มักจะไม่แตกง่ายเหมือนเพมฟิกัส และมักไม่ส่งผลกระทบต่อช่องปาก

ความแตกต่างสำคัญ:

คุณลักษณะ เพมฟิกัส (Pemphigus) บูลลัส เพมฟิกอยด์ (Bullous Pemphigoid)
เป้าหมายการโจมตีของภูมิคุ้มกัน โปรตีนที่เชื่อมโยงเซลล์ผิวหนังชั้นบน (desmoglein) โปรตีนที่เชื่อมต่อระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นกลางและชั้นล่าง (hemidesmosomes)
ลักษณะตุ่มน้ำพอง ตุ่มน้ำพองขนาดเล็ก แตกง่าย มีลักษณะเป็นแผล ตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่ แตกยาก มักอยู่ในบริเวณผิวหนังที่บาง
บริเวณที่พบอาการ มักพบในใบหน้า คอ ลำตัว มักพบในบริเวณผิวหนังที่บาง ข้อพับ
ความรุนแรง อาจรุนแรงกว่าบูลลัส เพมฟิกอยด์และมีโอกาสเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ มักรุนแรงน้อยกว่าเพมฟิกัส

ข้อควรระวัง: บทความนี้มีไว้เพื่อความรู้ทั่วไปเท่านั้น หากท่านสงสัยว่าท่านหรือบุคคลใกล้ชิดมีอาการโรคตุ่มน้ำพอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด