ไข้หวัด กี่วันไข้ลด

8 การดู

ไข้หวัดไม่มีวิธีรักษาที่กำจัดเชื้อได้ทันที โดยปกติอาการจะดีขึ้นภายใน 7-10 วัน การพักผ่อน ดื่มน้ำมากๆ และล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยบรรเทาอาการได้ อย่ารับประทานยาปฏิชีวนะ เพราะไม่ช่วยลดอาการไข้หวัด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้หวัด…กี่วันถึงหาย? คำตอบที่มากกว่า “7-10 วัน”

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบได้บ่อย คำถามที่ใครๆ ก็สงสัยคือ “ไข้หวัดจะหายภายในกี่วัน?” คำตอบที่เรามักได้ยินคือ “7-10 วัน” แต่ความจริงแล้ว คำตอบนี้ไม่ใช่คำตอบที่ครอบคลุมทั้งหมด เพราะระยะเวลาการหายของไข้หวัดมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ

ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจว่า “หาย” ในที่นี้หมายถึงอะไร เราไม่ได้หมายถึงการที่เชื้อไวรัสหายไปจากร่างกายทันที เพราะร่างกายต้องใช้เวลาสร้างภูมิคุ้มกัน แต่หมายถึงอาการต่างๆ ของไข้หวัด เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล ลดลงจนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

โดยทั่วไป อาการไข้หวัดจะเริ่มดีขึ้นภายใน 7-10 วัน แต่บางคนอาจมีอาการนานกว่า หรืออาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หูอักเสบ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม การที่ไข้ลดลงภายใน 7 วัน ไม่ได้หมายความว่าหายเป็นปกติแล้ว อาการอื่นๆ เช่น ไอ อาจยังคงอยู่ได้อีกหลายวัน หรืออาจนานถึง 2-3 สัปดาห์ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการหายของไข้หวัด ได้แก่:

  • ชนิดของเชื้อไวรัส: ไวรัสไข้หวัดแต่ละชนิดมีการแสดงอาการและระยะเวลาการหายที่แตกต่างกันไป
  • สุขภาพโดยรวม: ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง มักจะหายเร็วกว่าผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
  • การดูแลรักษาตัวเอง: การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ จะช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้หายเร็วขึ้น
  • การรับประทานยา: ยาแก้ไข้ ยาบรรเทาอาการไอ หรือยาแก้หวัด ช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ สำคัญที่สุดคือ อย่ารับประทานยาปฏิชีวนะ เพราะยาปฏิชีวนะไม่สามารถฆ่าไวรัสได้

ดังนั้น แม้ว่า 7-10 วันจะเป็นระยะเวลาโดยประมาณ แต่การหายจากไข้หวัดในแต่ละคนมีความแตกต่าง ควรสังเกตอาการของตนเอง หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาที่ถูกต้อง อย่าพึ่งพาแค่ระยะเวลาที่กำหนด แต่ควรใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองอย่างเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้