ไข้เลือดออกดู Lab อะไรบ้าง

8 การดู

ไข้เลือดออกอันตรายถึงชีวิต! สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีไข้สูง ปวดเมื่อยตัว เบื่ออาหาร ผื่นแดง หรืออาเจียน/ถ่ายเป็นเลือด รีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าชะล่าใจ ป้องกันยุงลายเพื่อลดความเสี่ยง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้เลือดออก: เจาะลึกการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

ไข้เลือดออกเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มียุงลายเป็นพาหะ สามารถก่อให้เกิดอาการตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ การวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาและป้องกันภาวะแทรกซ้อน นอกเหนือจากการสังเกตอาการทางคลินิก เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ผื่นแดง และอาการเลือดออกต่างๆ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Lab) ก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการยืนยันการติดเชื้อไข้เลือดออก บทความนี้จะเจาะลึกถึงการตรวจ Lab ที่ใช้ในการวินิจฉัยไข้เลือดออกโดยละเอียด

การตรวจ Lab สำหรับไข้เลือดออก แบ่งออกเป็นหลักๆ ได้แก่

  1. การตรวจหาเชื้อไวรัสไข้เลือดออกโดยตรง:
  • NS1 Antigen Test: เป็นการตรวจหาโปรตีนที่ไม่ใช่โครงสร้าง (Non-structural protein 1) ของไวรัสไข้เลือดออก ซึ่งสามารถตรวจพบได้ในช่วงต้นของการติดเชื้อ มักให้ผลที่แม่นยำในช่วง 1-7 วันหลังเริ่มมีไข้
  • RT-PCR (Reverse Transcription Polymerase Chain Reaction): เป็นการตรวจหาสารพันธุกรรม RNA ของไวรัส ถือเป็นวิธีที่มีความไวและจำเพาะสูงในการตรวจหาเชื้อไวรัสไข้เลือดออก สามารถระบุชนิดของไวรัสได้ เหมาะสำหรับการวินิจฉัยในระยะแรกของการติดเชื้อ
  1. การตรวจทางเซรุ่มวิทยา:
  • IgM and IgG Antibody Test: เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านไวรัสไข้เลือดออก IgM จะปรากฏขึ้นในช่วงต้นของการติดเชื้อ ส่วน IgG จะปรากฏขึ้นในระยะต่อมาและคงอยู่ได้นานกว่า การตรวจหาทั้ง IgM และ IgG ช่วยในการแยกแยะระยะของการติดเชื้อ และสามารถบ่งชี้ถึงการติดเชื้อครั้งก่อนได้
  • HI Test (Hemagglutination Inhibition Test): เป็นการตรวจหาแอนติบอดีที่สามารถยับยั้งการจับตัวของเม็ดเลือดแดง วิธีนี้ใช้น้อยลงในปัจจุบันเนื่องจากมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน
  1. การตรวจทางโลหิตวิทยา:
  • Complete Blood Count (CBC): เป็นการตรวจนับเม็ดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกล็ดเลือด ผู้ป่วยไข้เลือดออกมักมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) และอาจมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Leukopenia) หรือฮีมาโตคริตสูง (Hematocrit) ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะข้นเลือด
  • ตรวจหาค่าตับ: อาจพบค่าตับผิดปกติได้

แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการตรวจ Lab ที่เหมาะสมตามระยะของการติดเชื้อและอาการของผู้ป่วย การตรวจหลายวิธีร่วมกันอาจช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่อันตราย หากมีอาการสงสัย ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อย่าชะล่าใจ การป้องกันยุงลายเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไข้เลือดออก.