ไข้ 38 ถือว่าสูงไหม

4 การดู

เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.4 องศาเซลเซียส แสดงว่ามีไข้ การมีไข้ 38 องศาเซลเซียส จัดอยู่ในกลุ่ม ไข้ต่ำ ถึง ไข้สูง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และสังเกตอาการ หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้ 38 องศาเซลเซียส: สูงแค่ไหน ต้องดูแลอย่างไร?

หลายครั้งที่เราวัดอุณหภูมิร่างกายแล้วพบว่าสูงกว่าปกติ ทำให้เกิดความกังวลใจว่า “ไข้สูงไหม?” โดยเฉพาะเมื่ออุณหภูมิอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส หลายคนอาจสงสัยว่านี่เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบจัดการ หรือเป็นเพียงอาการเล็กน้อยที่สามารถดูแลเองได้ที่บ้าน บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับไข้ 38 องศาเซลเซียส และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

ไข้ 38 องศาเซลเซียส: สูงหรือไม่สูง?

โดยทั่วไป อุณหภูมิร่างกายปกติของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 36.5 – 37.4 องศาเซลเซียส เมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 37.4 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ ซึ่งสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้ดังนี้:

  • ไข้ต่ำ: 37.5 – 38.0 องศาเซลเซียส
  • ไข้ปานกลาง: 38.1 – 39.0 องศาเซลเซียส
  • ไข้สูง: 39.1 องศาเซลเซียสขึ้นไป

ดังนั้น อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็น ไข้ต่ำถึงปานกลาง ซึ่งบ่งบอกว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อหรือความผิดปกติบางอย่าง

สาเหตุที่พบบ่อยของไข้ 38 องศาเซลเซียส:

ไข้ 38 องศาเซลเซียส อาจมีสาเหตุได้หลากหลาย เช่น:

  • การติดเชื้อไวรัส: เช่น ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่, โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย: เช่น คออักเสบ, ปอดบวม, การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
  • การอักเสบ: เช่น โรคข้ออักเสบ, โรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน: โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
  • ภาวะขาดน้ำ: โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและเด็กเล็ก
  • การได้รับความร้อนมากเกินไป: เช่น การออกกำลังกายอย่างหนักในสภาพอากาศร้อน

การดูแลตัวเองเมื่อมีไข้ 38 องศาเซลเซียส:

เมื่อมีไข้ 38 องศาเซลเซียส ควรดูแลตัวเองดังนี้:

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น
  2. ดื่มน้ำมากๆ: ไข้ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ดังนั้นควรดื่มน้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือน้ำซุป เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  3. เช็ดตัวลดไข้: ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวบริเวณหน้าผาก ซอกคอ รักแร้ และขาหนีบ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย
  4. รับประทานยาลดไข้: หากมีอาการไม่สบายตัว สามารถรับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ตามขนาดที่แนะนำบนฉลากยา
  5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: การออกกำลังกายขณะมีไข้ อาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้น
  6. สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ชัก หรือมีผื่นขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์:

แม้ว่าไข้ 38 องศาเซลเซียส มักไม่รุนแรง แต่ควรปรึกษาแพทย์ในกรณีดังต่อไปนี้:

  • ไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส
  • ไข้สูงนานเกิน 2-3 วัน
  • มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ชัก คอแข็ง หรือมีผื่นขึ้น
  • มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคไต
  • เป็นเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ

ข้อควรจำ:

  • การวัดอุณหภูมิร่างกายควรทำในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และใช้ปรอทวัดไข้ที่ได้มาตรฐาน
  • การดูแลตัวเองเมื่อมีไข้เป็นเพียงการบรรเทาอาการเบื้องต้น หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

สรุป:

ไข้ 38 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นไข้ต่ำถึงปานกลาง ซึ่งบ่งบอกว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อหรือความผิดปกติบางอย่าง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และสังเกตอาการ หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง