เด็ก 36.7 ไข้ไหม

1 การดู

ไข้ในเด็กขึ้นอยู่กับวิธีการวัดอุณหภูมิ โดยทั่วไป อุณหภูมิทางรักแร้หรือปากเกิน 37.5 องศาเซลเซียส และทางทวารหนักเกิน 38 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ แต่ค่าอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามอายุและวิธีการวัด ควรปรึกษาแพทย์หากเด็กมีไข้สูงหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย การวัดอุณหภูมิซ้ำหลายครั้งช่วยยืนยันผลได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้ในเด็ก: เมื่อไหร่ที่ควรเป็นกังวล

ไข้เป็นกลไกการปกป้องตามธรรมชาติของร่างกายในภาวะที่ต้องต่อสู้กับการติดเชื้อหรือภาวะเจ็บป่วยอื่นๆ ในเด็ก ไข้เป็นอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรียหรือเชื้อรา การฉีดวัคซีน หรือภาวะต่างๆ เช่น โรคร้อนจัด

การวัดอุณหภูมิในเด็ก

อุณหภูมิปกติในร่างกายของเด็กอยู่ที่ประมาณ 36.5-37.5 องศาเซลเซียส (97.7-99.5 องศาฟาเรนไฮต์) อย่างไรก็ตาม ค่าอาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามอายุและวิธีการวัด

วิธีที่นิยมใช้ในการวัดอุณหภูมิในเด็กมีดังนี้:

  • รักแร้: โดยปกติแล้วอุณหภูมินี้จะต่ำกว่าอุณหภูมิที่วัดทางปากหรือทวารหนักประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส (1 องศาฟาเรนไฮต์)
  • ปาก: วิธีนี้ให้ค่าที่แม่นยำที่สุดเมื่อทำอย่างถูกต้อง
  • ทวารหนัก: วิธีนี้ให้ค่าที่สูงที่สุด แต่อาจทำให้เด็กไม่สบายตัวได้

เมื่อไหร่ที่ต้องกังวล

โดยทั่วไปแล้ว ในเด็กอายุต่ำกว่า 3 เดือน อุณหภูมิที่วัดทางรักแร้หรือปากสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส (100.4 องศาฟาเรนไฮต์) หรือทางทวารหนักสูงกว่า 38.9 องศาเซลเซียส (102 องศาฟาเรนไฮต์) ถือว่ามีไข้ และควรปรึกษาแพทย์ทันที

สำหรับเด็กอายุ 3 เดือนขึ้นไป ไข้สูงถือว่าเป็นไข้ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส (99.5 องศาฟาเรนไฮต์) ที่วัดทางรักแร้หรือปาก และสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส (100.4 องศาฟาเรนไฮต์) ที่วัดทางทวารหนัก

อาการที่ควรรีบพบแพทย์

นอกจากไข้สูงแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ที่ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ ได้แก่:

  • ไข้สูงเกิน 40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์)
  • ไข้ที่กินเวลานานเกิน 3 วัน
  • ไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาลดไข้
  • อาการอื่นๆ เช่น หงุดหงิด ซึม ไม่ตอบสนอง ไอ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ หรือปวดท้อง

การรักษาไข้

การรักษาไข้ในเด็กมุ่งเน้นไปที่การลดความไม่สบายตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ไข้ต่ำๆ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่หากไข้สูงหรือทำให้เด็กไม่สบายตัว อาจใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน

การรักษาที่บ้านอื่นๆ ได้แก่:

  • ให้เด็กดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
  • อาบน้ำอุ่นให้เด็กเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย
  • ใช้วิธีประคบเย็น เช่น ผ้าขนหนูแช่น้ำเย็นวางบนหน้าผาก รักแร้ หรือขาหนีบของเด็ก

หากไข้เกิดจากการติดเชื้อ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัสเพื่อรักษาสาเหตุที่แท้จริง

การป้องกันไข้

ไม่สามารถป้องกันไข้ได้ทั้งหมด แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดย:

  • ล้างมือบ่อยๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย
  • ฉีดวัคซีนตามกำหนดเวลา

การใส่ใจสังเกตอาการและดูแลรักษาไข้ในเด็กอย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้เด็กฟื้นตัวได้เร็วและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้