ไตระยะไหนถึงจะฟอก

ไตระยะไหนถึงต้องฟอกไต? ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำงานของไตและการฟอกไต

การทำงานของไตเป็นกระบวนการสำคัญต่อสุขภาพร่างกาย ไตมีหน้าที่กรองของเสียและสารพิษออกจากเลือด รักษาสมดุลของน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย เมื่อไตทำงานผิดปกติ ของเสียจะสะสมในร่างกาย และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ การประเมินระดับการทำงานของไตจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปจะใช้วัดด้วยค่า eGFR (estimated glomerular filtration rate) หน่วยเป็นมิลลิลิตรต่อนาทีต่อพื้นที่ร่างกาย 1.73 ตารางเมตร

ระดับ eGFR ที่ต่ำบ่งชี้ว่าไตทำงานได้ลดลง ระดับ eGFR นั้นมีการแบ่งประเภทเป็นระยะต่าง ๆ ตามระดับการทำงานของไต โดยระยะที่ 5 เป็นระยะที่ไตทำงานได้น้อยที่สุด ถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดของเสียและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายได้เอง เมื่อถึงระยะนี้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการฟอกไตหรือปลูกถ่ายไตเพื่อรักษาชีวิต การฟอกไตเป็นวิธีการที่สำคัญในการกรองเลือดกำจัดของเสียออกจากร่างกาย และช่วยรักษาสมดุลของเหลวและอิเล็กโทรไลท์ในเลือดให้เป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงการฟอกไตไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยต้องถึงระยะที่ 5 เท่านั้น การฟอกไตอาจจำเป็นก่อนที่จะถึงระยะ 5 หากมีภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ไตทำงานลดลงอย่างรวดเร็ว เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะอย่างรุนแรง การตกเลือดในไต หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น แพทย์จะพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงประวัติสุขภาพ อาการ และผลการตรวจทางการแพทย์ เพื่อตัดสินใจว่าการฟอกไตจำเป็นหรือไม่ และควรเริ่มฟอกไตในระดับใด

การฟอกไตมีหลายวิธี ทั้งการฟอกไตแบบภายนอก (เช่น เครื่องฟอกไต) และการฟอกไตภายใน การเลือกวิธีฟอกไตจะขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วย ความพร้อมของการรักษา และความต้องการของผู้ป่วย ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับคำแนะนำที่ดีที่สุด และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในสถานะการทำงานของไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของไต

การเตรียมตัวและการปรับตัวสำหรับการฟอกไตเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ป่วยจะได้รับการสนับสนุนและการดูแลอย่างครบวงจร ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม จากทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ป่วย ครอบครัว และทีมแพทย์จะช่วยให้การฟอกไตประสบความสำเร็จและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น